Bitget เผยนักลงทุนสถาบันเริ่มมองบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถชนะเงินเฟ้อและเป็นทางเลือกให้กับระบบการเงินดั้งเดิมในภาวะการจัดระเบียบโลกใหม่ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลตลาดการเงินปั่นป่วน คาดว่าหากนโยบายภาษีตอบโต้ยังคงปั่นป่วยอาจกดบิทคอยน์ลดลงสู่ระดับ  70,000–75,000 ดอลลาร์  แต่มองเป็นจุดเข้าซื้อที่ดี เพราะหากนโยบายตอบโต้ภาษีมีความชัดเจน ราคาบิทคอยน์อาจพุ่งแตะ100,000 ดอลลาร์ ในสิ้นปี 2568 แนะลงทุนซื้อแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) สามารถลดความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้ และเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวได้ดี

วันที่ 17 เมษายน 2568 นางสาวเกรซี่ เฉิน กรรมการผู้จัดการของ บิตเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก กล่าวว่าความวุ่นวายในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปี โดยเฉพาะในปีนี้ที่สหรัฐฯใช้นโยบายภาษีตอบโต้ทำให้โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบมหาอำนาจเดี่ยวไปสู่โลกที่มีหลายขั้วอำนาจจนเกิดมาตรการภาษีและสงครามการค้าจะเป็นแรงผลักดันความต้องการบิทคอยน์ให้อยู่ในความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก จากปัจจัยกระตุ้นดังกล่าวและด้วยโครงสร้างแบบกระจายศูนย์และจำนวนที่มีจำกัด บิทคอยน์จึงได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ และเป็นทางเลือกจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่มีข้อบกพร่อง แม้แรงกดดันจากนโยบายภาษีจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดคริปโท แต่บิทคอยน์ยังคงแสดงความแข็งแกร่งด้วยอัตราการครองตลาด (dominance) ที่เพิ่มขึ้นใกล้ 60% ของมูลค่าตลาดรวมสะท้อนว่าพื้นฐานของระบบนิเวศที่ยังคงแข็งแรง
         
อย่างไรก็ตามในช่วงสั้นนักลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวัง หากความตึงเครียดทางการค้าของโลกเพิ่มขึ้น อาจทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงไปแตะระดับ  70,000–75,000 ดอลลาร์ ได้อีก แต่ในระยะยาวระดับราคาดังกล่าวอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี

โดยกลยุทธ์ซื้อแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงนี้เนื่องจากเป็นแนวทางที่สามารถลดความผันผวนของราคาในช่วงสั้นได้และช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างดี ขณะเดียวกันสิ่งที่นักลงทุนควรทำมากที่สุดคือจัดพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงด้วยสินทรัพย์ที่ไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดแบบดั้งเดิม รวมถึงติดตามนโยบายเศรษฐกิจระดับโลกอย่างใกล้ชิด

“หากเศรษฐกิจมหภาคเริ่มมีเสถียรภาพหรือมีนโยบายที่สนับสนุนคริปโทมากขึ้น เราอาจได้เห็นบิทคอยน์พุ่งไปแตะระดับ 95,000–100,000 ดอลลาร์ ภายในช่วงปลายปี 2568 และดันมูลค่าตลาดกลับไปทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์ อีกครั้ง โดยหัวใจสำคัญในช่วงนี้คือรักษาเงินทุนให้ปลอดภัยและจับตาพัฒนาการของนโยบายภาษีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถรับมือกับความผันผวนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางสาวเกรซี่ เฉิน กล่าว

นายไรอัน ลี หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์  Bitget Research เปิดเผยว่าการที่มูลค่ารวมของตลาดคริปโทลดลง 30% จากจุดสูงสุดประมาณ 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 2.54 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นการปรับฐานที่ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพมากกว่าจะเป็นสัญญาณของปัญหาเชิงโครงสร้าง และน่าจะคล้ายกับการย่อตัวในอดีตอย่างเช่น การร่วงลง 50% ในปี 2021 ก่อนที่ตลาดจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
         
ขณะที่ภาพรวมตลาดระยะสั้นการที่สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสินค้าด้านเทคโนโลยีสำคัญบางรายการ ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และจุดชนวนให้เกิดการฟื้นตัวในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งตลาดหุ้นและคริปโท โดยบิทคอยน์กำลังมีแรงส่งให้กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้นระยะสั้นอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศทางเศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน
            
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ามีเม็ดเงินไหลออกจากแพลตฟอร์มซื้อขาย (Exchange) และยังมีการซื้อสะสมต่อเนื่องผ่านกองทุน ETF บ่งบอกถึงการกลับเข้ามาของนักลงทุนรายใหญ่ โดยมีการซื้อขายอยู่ในกรอบราคา 82,000 ถึง 90,000 ดอลลาร์

#Bitget #บิทคอยน์ #ข่าววันนี้ #ทรัมป์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ตลาดการเงิน #คริปโต