วันที่ 14 เมษายน 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากรายงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ระหว่างวันที่ 11–13 เมษายน มีผู้กระทำความผิดฐาน เมาแล้วขับ สะสมสูงถึง 11,801 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้กระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี มากถึง 63 ราย

ทั้งนี้ ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 160 ตรี/1 ระบุว่า ผู้ที่กระทำผิดฐานเมาแล้วขับซ้ำภายใน 2 ปีนับจากการกระทำผิดครั้งก่อน จะต้องได้รับโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับตั้งแต่ 50,000 – 100,000 บาท พร้อมกับให้ศาลมีคำสั่ง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ โดยผู้กระทำผิดซ้ำจะถูกส่งฟ้องต่อศาลจังหวัด และต้องเข้าสู่กระบวนการฝากขังตามอัตราโทษของศาล

สำหรับผู้ที่กระทำผิดเป็นครั้งแรก จะได้รับโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยศาลสามารถใช้ดุลยพินิจลงโทษได้ตามความเหมาะสม

ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร ได้สั่งการให้ตำรวจจราจรทั่วประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และมีการดื่มสังสรรค์ในหลายพื้นที่ เพื่อควบคุมและลดการเกิด อุบัติเหตุทางถนน ที่มีสาเหตุจากการเมาแล้วขับ

ศูนย์บริหารงานจราจรฯ ขอประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนในช่วงสงกรานต์ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีน้ำใจ และ งดเว้นการขับรถหลังดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น พร้อมเน้นย้ำว่า “เมาไม่ขับ” คือหัวใจสำคัญในการลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

โดยเฉพาะผู้ที่เคยถูกจับกุมในข้อหาเมาแล้วขับภายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากมีความจำเป็นต้องร่วมกิจกรรมหรือดื่มสังสรรค์ในช่วงเทศกาล ควรหลีกเลี่ยงการขับรถ และเลือกใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ แทน เพื่อป้องกันการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเลี่ยงโทษหนักตามที่กฎหมายกำหนดไว้