สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ปะทุระลอกใหม่? วิเคราะห์แนวโน้มและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2568
หลังจากที่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่าง สหรัฐอเมริกา และจีน เริ่มคลี่คลายลงช่วงสั้นๆในปีที่ผ่านมา ล่าสุดสัญญาณการเผชิญหน้าทางการค้าระลอกใหม่กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในหลายรายการ และออกมาตรการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ ถือเป็นความพยายาม จำกัดการขยายอิทธิพลทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจีนเองก็เตรียมมาตรการตอบโต้เชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ ส่งผลให้ทั่วโลกจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงประเทศไทยที่อาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
แนวโน้มสงครามการค้า: มากกว่าภาษี คือการช่วงชิงเทคโนโลยีและอิทธิพล
ในยุคที่เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ หรือหุ่นยนต์อัตโนมัติ สงครามการค้าจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “ภาษีศุลกากร” อีกต่อไป แต่ขยายไปสู่ การแข่งขันเชิงกลยุทธ์เพื่อครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอนาคต สหรัฐฯ เดินหน้าจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงให้กับจีน ขณะเดียวกัน จีนก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองอย่างเข้มข้น (Made in China 2025) สถานการณ์นี้ทำให้หลายประเทศต้อง “เลือกข้าง” หรืออย่างน้อยก็ต้องวางยุทธศาสตร์ในการรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ผลกระทบต่อประเทศไทย: โอกาส + ความท้าทาย
ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ย่อมได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในหลายด้าน โดยสามารถวิเคราะห์ได้ 3 มิติหลัก ดังนี้
1.ห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนทิศ – ไทยอาจกลายเป็น “ฐานผลิตสำรอง”
หลายบริษัทจากสหรัฐฯ และจีน เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านภาษี และประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญ หากรัฐบาลไทยสามารถออกนโยบายดึงดูดการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไทยอาจได้ประโยชน์ระยะกลางจากการย้ายฐานการผลิตนี้
2.ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดส่งออก
สินค้าหลายประเภทที่ไทยส่งออกมีความเกี่ยวข้องกับจีนหรือสหรัฐฯ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และผลิตภัณฑ์เกษตร ดังนั้น หากทั้งสองประเทศมีมาตรการกีดกันการค้าเพิ่มเติม ไทยอาจเจอแรงกระเพื่อมจากคำสั่งซื้อลดลงหรือราคาสินค้าแปรปรวน
3.การปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยต้องเร็วขึ้น
หากไทยต้องการอยู่รอดในเวทีเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ จำเป็นต้องเร่งยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart Industry / EV / AI / Robotics พร้อมส่งเสริมการพัฒนาแรงงานทักษะสูงให้เพียงพอ
ทางออกของไทย: ปรับนโยบายเชิงรุก รับมือได้ – ถ้าเตรียมตัวทัน
ภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจไทยจากผลกระทบของสงครามการค้า อาทิ:
กระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve)
ส่งเสริม FTA กับตลาดใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ หรือจีนมากเกินไป
พัฒนากำลังคนรองรับเทคโนโลยีใหม่
ยกระดับความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างภาครัฐ-เอกชน
สรุป: สงครามการค้าระลอกใหม่ คือบททดสอบการปรับตัวของเศรษฐกิจไทย
แม้สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะเป็นเรื่องของมหาอำนาจ แต่ผลกระทบกลับสะท้อนถึงประเทศเล็กอย่างไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นทางรอดของไทย คือ การปรับตัวให้ทันโลก ยืดหยุ่น และมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่แม่นยำ
#สงครามการค้าจีนสหรัฐ #ผลกระทบเศรษฐกิจไทย #แนวโน้มการค้าโลก2568 #ไทยในสงครามการค้า #การย้ายฐานการผลิตจากจีน #การลงทุนต่างชาติในไทย #ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด #สงครามเทคโนโลยีจีนอเมริกา