กรมธนารักษ์จัดพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” โดยมีนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ณ โรงเรียนบ้านปลายคลอง ตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

วันที่ 11 เมษายน 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด และตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่ราษฎร จึงให้กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุ ได้นำที่ราชพัสดุในความครอบครองของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในราชการ มาบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด และสนับสนุนนโยบายการดำเนินโครงการของรัฐบาลตามแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนของชาติที่มุ่งแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่ราษฎร โดยให้ประชาชนที่ถือครองที่ราชพัสดุอยู่ก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 และไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์ เช่าที่ราชพัสดุในอัตราผ่อนปรน ผ่านกลไกการจัดให้เช่าของกรมธนารักษ์ตามกฎหมายที่ราชพัสดุ ส่งผลให้ราษฎรที่ยินยอมเช่าที่ราชพัสดุภายใต้โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสาธารณูปโภค ระบบสาธารณูปการ และเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของทางราชการ อีกทั้งสร้างรายได้ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งด้านสังคมให้กับราษฎร ในครั้งนี้กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ได้แก่ แปลงหมายเลขทะเบียน สฎ.848 (แปลงบ่อถ่านศิลา) ตำบลกรูด และตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 144 ราย (225 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 1,673 – 2 – 37 ไร่ แบ่งเป็น เพื่ออยู่อาศัย จำนวน 80 สัญญา และ เพื่อประกอบการเกษตร จำนวน 145 สัญญา 

รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” เป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม และรัฐบาลมีนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนภายใต้โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ท้องถิ่นได้มากขึ้นและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีความยั่งยืนต่อไป