วันที่ 11 เม.ย.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวการชำระหนี้ให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ตามคำแนะนำของสภากรุงเทพมหานครว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางดำเนินการ โดยสรุปข้อมูลจากการรายงานผลการศึกษาของ สภา กทม. จากนั้นจะแจ้งข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมแก่อัยการเพื่อดำเนินการให้รอบคอบต่อไป ปัจจุบันเรื่องยังอยู่ในศาล เข้าใจว่าเร่งรัดหนี้ให้มีการจ่ายเร็ว ๆ แต่ต้องดำเนินการตามระเบียบให้รอบคอบ เพราะเป็นเงินของประชาชน ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อสภา กทม.ให้คำแนะนำมา กทม.ก็ต้องไปปรึกษาอัยการอีกครั้ง หากผลการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน พยายามเร่งให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องดอกเบี้ย ทราบดี แต่เรื่องยังอยู่ในศาล และศาลยังมีข้อคิดเห็นแตกต่างจากหนี้ก้อนแรกที่มีการฟ้องร้อง เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องมาจากผู้บริหารชุดเก่าที่ไม่ได้มีการจ่ายหนี้มา จึงต้องทำตามแนวทางขั้นตอน โดยสรุปคือ นำคำแนะนำจากสภา กทม.มาปรึกษาอัยการเพื่อดำเนินการให้รอบคอบต่อไป ยังไม่ได้กำหนดเวลาแล้วเสร็จ

ด้านสภากรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว รายงานผลการศึกษา คณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) ระบุว่า ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนที่ยังไม่ได้ชำระ ให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลขนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอสซี) มีดังนี้ ช่วงฟ้องครั้งที่2 เดือนมิ.ย.64-ต.ค.65 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 12,245 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย1 เงินต้น 2,279 ล้านบาท ดอกเบี้ย 501 ล้านบาท รวม 2,780 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย2 เงินต้น 7,848 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1,617 ล้านบาท รวม 9,465 ล้านบาท

และช่วงหลังฟ้องครั้งที่ 2 เดือนพ.ย.65ถึงเดือนธ.ค.67 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 17,121 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย1 เงินต้น 3,242 ล้านบาท ดอกเบี้ย 275 ล้านบาท รวม 3,516 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย2 เงินต้น 12,615 ล้านบาท ดอกเบี้ย 990 ล้านบาท รวม 13,605 ล้านบาท

และจากประมาณการค่าจ้างเดินรถ ปี 2568 (เดือนม.ค.68ถึงเดือนธ.ค.68)จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ 8,761 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,612 ล้านบาท ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 6,149 ล้านบาท