“นายกฯอิ๊งค์-เสี่ยหนู”สยบร้อยร้าว! เคลียร์ปม “ไชยชนก ชิดชอบ” ประกาศคัดค้าน กม.“เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ”กลางที่ประชุมสภา “อุ๊งอุ๊งค์” ยันไม่ติดใจ! หลัง"อนุทิน" ขอโทษแล้ว ย้ำถึงเวลาโหวตต้องเป็นไปตามมติพรรค ด้าน“อนุทิน” ชี้เป็นความเห็นส่วนตัว อย่างมองเป็น “ลูกเนวิน” ย้ำ “ภูมิใจไทย” พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย. 68  ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ภายหลังสักการะศาลพระพรหม ตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว. มหาดไทย ร่วมสักการะ

โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เรื่องอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีใครบอกหรอกว่าขอพรเรื่องอะไร แต่ก็ได้ขอพรว่าขอให้มีแต่สิ่งดีๆ

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถาม กรณีนายไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะเลขาธิการพรรค อภิปรายคัดค้านกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายอนุทินแล้วหรือยัง โดยนายก ฯหันไปกระเซ้า นายอนุทินว่าคุยกันหรือยัง ก่อนจะตอบว่า คุยกันแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วเข้าใจสิ่งที่นายไชยชนกพูดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ได้กราบขออภัยท่านนายกฯแล้ว” ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า นายอนุทิน ชี้แจงแล้วว่าไม่ใช่มติพรรค ตนเข้าใจทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว"

เมื่อถามต่อว่า เมื่อถึงเวลาโหวตพรรคภูมิใจไทย จะให้เป็นเอกสิทธิ์ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่ เราสนับสนุนรัฐบาล นายไชยชนกต้องปฏิบัติตามมติพรรคเป็นเรื่องที่เข้าใจกันอยู่แล้ว"

เมื่อถามอีกว่า ได้พูดคุยกับนายไชยชนกทำความเข้าใจแล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า นายไชยชนกมีความเครียดอยู่ในการอภิปราย ให้เขาได้พักวันสองวัน อย่างไรก็ต้องคุย

เมื่อถามต่อว่า นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ติดใจในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ แล้วคิดว่าไม่น่ามีอะไร อย่างนายไชยชนกเคยพูดคุยกันนอกรอบ ทราบว่าเป็นห่วงเรื่องภัยพิบัติต่างๆ เรื่องฝน เรื่องน้ำท่วม เขาเป็นห่วงจริงๆ และการอภิปรายเมื่อวันที่ 9 เม.ย. อาจมีหลายเรื่องหลายประเด็นทำให้เกิดความสับสนได้ ให้เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทยไปเคลียร์กันเอง แต่ตนเข้าใจว่าเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเคยมาพูดส่วนตัวว่า เป็นห่วงบ้านเมืองในเรื่องนี้ เข้าใจว่าเป็นแบบนั้นแต่มีหลายประเด็น

เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่เหมือนกับนายไชยชนกจะมีโอกาสพูดคุยกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พูดคุยได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่ต้องบอกกับประชาชนว่า การไปอยู่หน้ากล้องหรือในสภาที่มีแรงกดดัน ตนไปพูดก็ตื่นเต้น อาจมีหลายประเด็นที่พูดถึงได้อาจไม่ได้ออกมาอย่างที่ตั้งใจมันเกิดขึ้นได้

เมื่อถามต่อว่า ยังเชื่อมั่นว่าพรรคภูมิใจไทยจะคุมกันได้ นายกฯกล่าวว่า "ค่ะ ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้น คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลนโยบายต่างๆ ก็เสนอต่อรัฐสภาด้วยกัน คิดว่าน่าจะพูดคุยกันทำความเข้าใจมากกว่า อะไรที่อยากให้ปรับลด ตนไม่สนับสนุนเรื่องความขัดแย้งอยู่แล้ว ยิ่งขัดแย้งประเทศจะไปต่อยาก อะไรคุยกันได้ก็คุยเป็นแบบนั้นดีกว่า สมมติทะเลาะกันตื่นมา เราทำงานก็ไม่สดชื่น ไม่สดใส เจอหน้ากันก็จะแปลกๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น"

เมื่อถามอีกว่า มีการมองกันว่าวันหนึ่งดี วันหนึ่งมาก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง  อีกวันหนึ่งก็เป็นอีกอย่าง เราจะรับสภาพตรงนี้อย่างไร นายอนุทิน ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบกล่าวว่า “เดี๋ยวนะ ผมดีตลอด ไม่มีวันไหนไม่ดี ไม่ควรถามนายกฯ แบบนี้“

ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า “บางทีมันเป็นข่าวมากกว่า เป็นสิ่งที่เป็นข่าวลือได้ยินมา เป็นสถานการณ์ อาจจะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองพรรค ทุกพรรคจะมีข่าวลือ พรรคนั้นทำอย่างนั้น พรรคนี้ทำอย่างนี้ ฝ่ายค้านทำอย่างนั้น รัฐบาลทำอย่างนี้ มันมีข่าวลือตลอดเวลาอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของการเมือง เราต้องพูดคุยกันเยอะๆ เข้าใจกันเยอะๆ ก็น่าจะช่วยได้

เมื่อถามต่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องสื่อสารให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า  ขอน้อมรับตรงนี้ไปปรับปรุงในการคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้เยอะขึ้น

ส่วน นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ส่งไลน์ไปแจ้งท่านแล้ว ว่าสิ่งที่นายไชยชนกได้อภิปราย เป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งพรรคก็มีแนวทางในเรื่องนี้แล้ว

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้ติดใจอะไรใช่หรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า มันก็ไม่ดีหรอก เพราะก่อนที่สมาชิกพรรคจะขึ้นอภิปราย พรรคต้องอนุมัติก่อน ซึ่งกรณีเมื่อวานพรรคไม่ได้มีการอนุมัติ

เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ได้มีการเคลียร์กับนายไชยชนก  แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ต้องเคลียร์ รู้สึกว่าเขามีความเครียดเยอะ ซึ่งนายไชยชนกก็ไม่ได้แจ้งตนว่าจะขึ้นอภิปราย นี่คือเหตุผลที่พรรคจะมีการประชุมทุกครั้งก่อนที่จะประชุมสภา เพื่อที่จะรู้ได้ว่าสมาชิกคนไหนจะพูดเรื่องอะไรบ้าง เราไม่ได้มีมติว่าวันพรุ่งนี้จะให้มีใครขึ้นมาพูด ฉะนั้นตนก็ไม่รู้ เพราะถ้าพรรคมีมติให้นายไชยชนกขึ้นมาพูดเรื่องอย่างนี้ ตนก็ต้องอยู่ในที่ประชุมสภา แต่นี่ตนไปทำงานอยู่ข้างนอก

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะบิดาของนายไชยชนก แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คุยแต่อย่างที่ตนบอกว่านายไชยชนก เขาพูดในนามของเขาเอง อย่าไปมองว่าเขาเป็นลูกชายของใคร ทุกคนสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ถ้าเขาพูดในนามพรรคเมื่อไหร่ค่อยเป็นประเด็น แต่นี่เขาพูดในนามส่วนตัวของเขา ก็เหมือนกับพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาล ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยเยอะแยะ บางพรรคก็มี3-4คนที่ไม่เห็นด้วย บางพรรคก็มีสมาชิกอีกหลายคนถึงขั้นออกแถลงการณ์มา ส่วนพรรคภูมิใจไทยตอนแรกคิดว่าจะไม่มี แต่ก็ดันมีแล้วคนหนึ่ง ซึ่งคิดว่าตนต้องไปแก้ไข แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มติของพรรค ย้ำว่าแนวทางพรรคภูมิใจไทยยังเหมือนเดิม คือสนับสนุนรัฐบาล

เมื่อถามว่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่าอึดอัดเมื่อวานแต่วันนี้ไม่อึดอัดแล้ว ตอนที่นายไชยชนกขึ้นพูดตนรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นห่วง ลุ้น แต่ตอนนี้ไม่อึดอัดแล้วเพราะมีความชัดเจนแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยมีหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วย กับเรื่องนี้นโยบายนี้ ซึ่งตนก็ต้องไปแก้ไข ต้องให้ไม่มีคนที่สอง คนที่สาม ส่วนกรณีความเห็นของนายชาดา ไทยเศรษฐ สส. อุทัยธานีพรรคภูมิใจไทย นั้นเป็นเรื่องของศาสนา

ส่วนที่มีคนมองว่านายไชยชนก อภิปรายนั้น เป็นเลขาธิการพรรค ไม่ใช่สมาชิกธรรมดา นายอนุทินย้ำว่า นายไชยชนกไม่ได้พูดในนามพรรค ถ้าเป็นเลขาธิการพรรคนั้นพูดแบบนี้ เพราะพรรคไม่ได้มีมติ ย้ำว่าพรรคมีแนวทางที่ชัดเจนจะสนับสนุนนโยบายต่างๆของรัฐบาล กรณีนี้ก็เช่นกัน ร่างพระราชบัญญัติทุกอย่าง ที่เข้าสู่สภาได้ ก็ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยมีตั้ง8คน หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อร่างนี้ผ่านครม. เข้าสู่สภาก็เท่ากับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เห็นชอบแล้ว ซึ่งแบบนี้ถือเป็นมติพรรค แต่การที่อยู่อยู่มีสส. คนหนึ่ง ที่พอดีท่านเป็นเลขาธิการพรรค แล้วลุกขึ้นอภิปรายในสิ่งที่ไม่ได้หารือกับพรรค อันนี้ต้องถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ เขามีสิทธิ์ตนห้ามเขาไม่ได้

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนต้องพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งตนได้เขียนข้อความผ่านไลน์ไปขออภัยท่านนายกฯแล้ว ตนคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่างที่ตนบอกถ้าเรื่องสำคัญแบบนี้ ถ้าตนทราบว่าจะมีการอภิปรายแบบนี้ ถ้าเขาบอกตนก่อน ตนก็ต้องอยู่ในสภาด้วย แต่เมื่อวานตนมีภารกิจสำคัญมาก และไม่คิดว่าจะมีคิวที่นายไชยชนกพูด

เมื่อถามว่าที่เกิดความสบายใจเพราะได้ชี้แจงกับนายกฯให้เกิดความเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สบายใจขึ้น แต่ถ้าถามในฐานะเลขาธิการพรรคและลูกหลานก็ไม่สบายใจเต็มที่ ซึ่งตอนนายไชยชนกพูดตนนั่งอยู่ในรถ ไม่ได้เห็นภาพก็นั่งเกร็งอยู่หลายระลอกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เร่งไปที่สภาฯ ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าจำเป็น อาจจะต้องลุกขึ้นแถลงว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีแนวคิดแบบนั้น แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล และเมื่อเข้าสภาฯเจอผู้สื่อข่าวก่อน ก็มีโอกาสได้พูดให้ผู้สื่อข่าวฟัง

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่ากระแสที่จะนำออกจากพรรคร่วมกลับมาอีกครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนั้นตนไม่ห่วง อย่างที่บอก แนวทางของพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว และเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่นายกฯเรียกพรรคร่วมรัฐบาลคุยก็มีการแจ้งกันหมดแล้ว มีบางพรรคที่ 4-5 คนไม่เห็นด้วยก็แจ้งไว้ ซึ่งหัวหน้าพรรคบางพรรคบอกไม่มีปัญหา แต่ก็มีแถลงการณ์ออกมาไม่สามารถรับได้ ส่วนตนก็บอกว่า ไม่ได้มีปัญหาพรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ แต่ตอนนี้มีปัญหา 1 คนก็ต้องแจ้งท่านนายกฯ และเป็นหน้าที่ของตนที่จะไปบอกส.ส.ทุกคนของพรรค อย่าไปมองว่า นายไชยชนกเป็นลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีย์รัมย์ยูไนเต็ดและเลขาธิการพรรค เพราะนายไชยชนกพูดในสภาฯว่าเป็นราษฎรคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งตรงนี้เราห้ามเขาไม่ได้ หน้าที่ตนตอนนี้ก็ต้องไปคุยกับเขา คุณได้แสดงท่าทีออกไปแล้ว แต่ถ้าพรรคมีมติคุณต้องโหวต จะสวนมติพรรคไม่ได้ ถ้าสวนกับพรรคพรรคก็มีกฎระเบียบที่จะดำเนินการเหมือนสมาชิกพรรคทุกคน

เมื่อถามว่าเป็นคนกลางลำบากใจหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนลำบากใจซิ เวลาต้องมาเป็นกันชนลำบากใจแน่นอน เพราะตนเป็นกันชนถูกชนก่อน เราจะให้คู่กรณีไปชนกันไม่ได้ ลำบากใจ แต่ตนก็เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องทำตามตน

เมื่อถามว่าปัญหานี้ถึงขั้นต้องปรับเปลี่ยนอะไรในพรรคหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวเราไปพูดคุยกัน เพราะเอกลักษณ์ของพรรคที่ทุกคนมีความภาคภูมิใจ เวลาไปพูดหรือเจรจากับใคร ตนให้ความมั่นใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็บอกว่า ไม่ต้องกังวล อย่างเช่น ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะรู้ว่านายกฯโดนอยู่คนเดียว ตนก็ได้แสดงความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนทุกคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และเอกภาพ ซึ่งตนเป็นหัวหน้าพรรคจะให้ใครมาทำลายและแตะไม่ได้ ถ้าใครมาแตะตรงนี้แล้วมีตำแหน่งก็ต้องดำเนินการ

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวว่า กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่อยากให้บิดเบือน มันไม่ใช่กฎหมายกาสิโน และกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว การเข้ามาเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เปิดให้นักพนันเข้ามา แต่เป็นเรื่องของการพาครอบครัวมาเที่ยว เพราะมีทุกอย่างในนั้นพร้อม ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชื่อดัง ห้างสรรพสินค้า เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์มาเป็นประเด็นทางการเมือง อย่าบิดเบือนเป็นเรื่องกาสิโน ซึ่งนี่เป็นเรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจ

สำหรับใครที่จะเข้ากาสิโน ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปก็ได้ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าคนในประเทศไทย คนที่มีความชื่นชอบหรือเข้าไปใช้บริการกาสิโนจะมีสักเท่าไหร่ เพราะจะต้องมีเงินฝากไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ตนยังเข้าไม่ได้เลย อยากเข้าแต่หากมีเงินไม่ถึง 50 ล้านบาท ก็ไม่สามารถเข้าได้ ถ้าไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องห่วงเพราะเข้าไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สำคัญ

“กรณีของ คุณไชยชนก ผมไม่แน่ใจว่าตกลงแล้ว คุณอนุทิน หรือ คุณไชยชนก ใครเป็นหัวหน้าพรรค เพราะในที่ประชุมหัวหน้าพรรคต่างๆเราคุยกันชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เราทำ เราพยายามสร้างรายได้เข้าประเทศ แล้วมันจะไม่กระทบกระเทือนศีลธรรมทั้งหลายทั้งปวง เพราะเป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนคนไทยก็มีเงื่อนไขจริงๆ

คุณไชยชนก ก็เป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว ความเป็นเลขาธิการพรรค การร่วมมือกันด้วยหลักการ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว อยู่ๆประกาศ ผมชื่อไชยชนก เป็นลูกนายเนวินกับแม่กรุณา ถามว่าคุณไชยชนก ประกาศตัว กำลังจะบอกอะไร อยากถามจะบอกอะไร แล้วระหว่างคุณไชยชนกกับคุณอนุทิน ผมควรจะเชื่อใคร

เพราะวันนั้นที่ไปแถลง คุณอนุทิน เป็นหัวหน้าพรรค  ก็คุยกันและเห็นพ้องกัน แต่ที่เราเลื่อนเพราะว่ามีปัญหาประเทศชาติ การเป็นเลขาธิการพรรคควรมีความเข้าใจ ไม่อยากจะบอกว่าวุฒิภาวะนะ ควรจะมีความเข้าใจมากกว่านี้ และควรทำอะไรที่มีความสุขุมรอบคอบมากกว่านี้“ นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า จะทำให้สังคมสับสนหรือไม่ เพราะนายภูมิธรรมเองก็ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องบทบาท และสงสัยในบทบาทภาคร่วมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สังคมก็คงเข้าใจตามคุณ(หมายถึงสื่อ) ตนเชื่อว่าสื่อเข้าใจอยู่แล้ว

ส่วนที่พรรคประชาออกแถลงการณ์ว่าในฐานะที่เป็นพรรคของคนมุสลิม ไม่สามารถรับเรื่องแบบนี้ได้ และน่าจะมี สส. มุสลิม อีกหลายคนที่รับไม่ได้เช่นกัน จะทำอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นกระบวนการที่แต่ละพรรคต้องไปคุยกัน อย่าลืมว่าที่มาตกลงร่วมรัฐบาลกัน ตอนที่ทำนโยบายนี้ก็นั่งทำด้วยกัน ไม่ใช่เราทำคนเดียว เมื่อร่วมทำด้วยกัน แถลงต่อสภาด้วยกัน ยกมือด้วยกันแล้ว ถึงตอนนี้ถ้าจะมีเป็นอย่างอื่น ก็คงต้องเข้าไปทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองเคยพูด เคยทำไว้

ส่วนที่ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์  นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคณะ สืบสวนและไต่สวนที่มีราชการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เป็นเจ้าพนักงานสืบสวน และไต่สวนกรณีฮั้วเลือกสว. ว่า  อย่างที่บอกว่าเมื่อเราตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนขึ้นมาอีกหนึ่งชุด โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางดีเอสไอเข้ามาร่วมด้วย การทำงานก็ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะว่าทีมทางดีเอสไอก็ได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นเอาไว้แล้ว

ฉะนั้นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดนี้ ทำงานคืบหน้าไปแล้วอยู่ที่ร้อยละ 30 เพราะต้องเกี่ยวข้องกับการสอบพยานบุคคล ซึ่งมีจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลา แต่อย่างที่บอกว่าการทำงานจะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และมาสู่ส่วนกลาง ทั้งความเห็นของเลขาธิการ กกต. ไปยังอนุกรรมการวินิจฉัยเพื่อกลั่นกรองก่อนจะเสนอที่ประชุมชุดใหญ่ กกต. เชื่อว่าเรื่องนี้เราไม่ทำอย่างชักช้าแน่ อย่างไรก็ตามการทำงานของกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดนี้ไม่ต้องแจ้งความคืบหน้ามายัง กกต.ใหญ่ เพียงแต่เรามีการสอบถามแบบไม่เป็นทางการไป เพราะหน้าที่ของเขาเราจะไปแทรกแซงไม่ได้ เมื่อเขาทำเสร็จก็เรื่องจะมาอยู่ที่ส่วนกลางคือสำนักเลขาธิการฯทุกคดีทำตามขั้นตอนเหมือนกัน

เมื่อถามว่าจะมีเรียกคณะสว. สำรองมาให้ปากคำด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า คงต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดนั้น ถ้ารับเป็นสำนวนแล้วก็ควรจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำให้ครบถ้วน เปิดโอกาสให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เพื่อสอบสวนแล้วสรุปสำนวนเป็นอย่างไรก็ส่งมายัง กกต. หรือถ้าเห็นว่าต้องมีการสอบปากคำเพิ่มก็เพิ่มได้ เรื่องนี้เป็นไปตามระเบียบสืบสวนไต่สวน