วันที่ 10 เม.ย.68 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณชั้น4 อาคารจอดรถ ภายในไซต์งาน อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ถ.กำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ “สมเด็จธงชัย” กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีสวดพระพุทธมนต์ให้กับผู้สูญหายและเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ก่อสร้างตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม นำคณะพระสงฆ์ 103 รูป ร่วมสวดพระพุทธมนต์  โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ประธานฝ่ายฆราวาส นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. คณะผู้บริหารกทม. นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว ญาติ ของผู้สูญหาย เข้าร่วมพิธี

สำหรับบทสวดพระพุทธมนต์ มี 4 บทสวด ประกอบด้วย 1. บทสวดปัพพะโตปะมะคาถาถา (ชราและมรณะเปรียบประดุจภูเขาหินที่กลิ้งบดทับสัตว์ทั้งหลาย) 2.บทสวดอริยธนาคาถา (อริยทรัพย์อันประเสริฐ) 3.บทสวดขัดธรรมนิยามะสูตร และ4.บทสวดธัมมนิยามสุตตุง (พระสูตรแสดงความแน่นอนแห่งสภาวะธรรมทั่วไป) เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจที่ดี และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับญาติพี่น้องผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ระหว่างที่มีพิธีสวดพระพุทธมนต์อยู่นั้น ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก

โดยในพิธีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ได้มีเมตตามอบผ้ายันต์ จำนวน 200 ผืน ให้แก่ ผู้ว่าฯกทม. เพื่อให้นำมามอบให้ผู้ปฏิบัติงาน ค้นหาผู้ประสบภัยอีกด้วย หลังเสร็จสิ้นพิธี สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี และคณะสงฆ์ ได้ยืนหันหน้าไปทางซากตึกถล่ม เพื่ออธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้กับผู้สูญหายและผู้เสียชีวิต ก่อนเดินทางกลับ

วันเดียวกัน ที่ศูนย์บัญชาเหตุการณ์ เขตจตุจักร นายชัชชาติ แถลงภายหลังสิ้นพิธีสวดพระพุทธมนต์ว่า เป็นพิธีทำบุญสวดพระพุทธมนต์ให้ผู้ประสบภัย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ญาติผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากๆ โดยมีสมเด็จ พระมหารัชมงคลมุนี เป็นประธานนำคณะพระสงฆ์ 103 รูป สวดพระพุทธมนต์ ซึ่งจำนวน 103 รูป เท่ากับจำนวนผู้ประสบภัย 103 คน

โดยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ได้เมตตามอบผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์มากๆ 200 ผืนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นขวัญกำลังใจให้กับญาติและครอบครัวของผู้สูญหาย ทั้งนี้ได้คุยกับญาติและครอบครัวของผู้สูญหายว่าหน้างานไม่ต้องมารอแล้ว เพราะหากพบผู้สูญหาย ต้องนำไปรักษาที่โรงพยาบาลก่อน เจ้าหน้าที่จะแจ้ง ญาติและครอบครัวของผู้สูญหายทันทีที่พบ จะได้ไม่ต้องอยู่ที่เต็นท์ เพราะไม่สะดวก หรือหากโชคร้ายพบเสียชีวิต จะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่จะแจ้ง ญาติและครอบครัวทันทีเช่นกัน แต่หากจะยังอยู่ที่นี่ กทม.พร้อมดูแลเช่นเดียวกับญาติของเรา นอกจากนี้ยังมีศูนย์พักพิง ที่วัดเสมียนนารี ที่มีความพร้อมรองรับญาติและครอบครัวของผู้สูญหาย หากญาติคนไหนที่ผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นเสาหลักครอบครัว ต้องการหางาน กทม.จะประสานให้ อย่างไรก็ตามพิธีวันนี้ทำให้จิตใจของญาติรู้สึกดีขึ้น ที่ได้มาเห็นจุดเกิดเหตุและการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังทำให้ขวัญกำลังใจของพนักงาน กทม. ดีขึ้น เพราะอยู่ในพื้นที่มา 13 วัน อาจมีความเหนื่อยล้า และมีเรื่องแปลกๆ โดยเฉพาะพื้นที่โซน C ที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ เพราะเมื่อนำเครื่องจักรใหญ่ เครื่องจักรใหม่ เข้ามาพื้นที่ จะเสียตลอด เมื่อทำบุญสวดพระพุทธมนต์แล้ว จึงกราบเรียน สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี สมเด็จ พระมหารัชมงคลมุนี จึงแผ่เมตตาให้ เชื่อว่าปัญหาต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องจิตใจ หรืออุปทานของทุกคนจะมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้นและภารกิจลุล่วงไปได้ ขณะเดียวกันยังได้ทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ขอให้อโหสิกรรมให้กันให้ผู้รอดชีวิตออกมา ขณะที่ตัวเลขผู้ประสบภัย จากเหตุตึกสตง.ถล่มรวมทั้งสิ้น 103 ราย เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 9 รายและสูญหาย 71 ราย

​​​​​​​