พบอาคารยุบตัว 5 ซม. สั่งระงับค้นหาโซน C-D ชั่วคราว เหตุอาคาร สตง. พังถล่มจากแผ่นดินไหว “ผู้ว่าฯ กทม.” เผยข่าวดี ได้รถเครนยักษ์ 1,000 ตัน “รถแบ๊กโฮ”ขนาดใหญ่ที่สุดในไทยเสริมทัพค้นหา นำมารื้อถอนเร่งค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึกถล่ม ขณะที่ “กมธ.พาณิชย์-อุตสาหกรรมฯ”วุฒิสภา เร่งตรวจสอบ “นอมินี” บริษัทไชน่าฯ พร้อมเตรียมส่งข้อมูลให้”ดีเอสไอ” ดำเนินคดี


เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน การค้นหาผู้สูญหาย ภายหลังเกิดเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่ม จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและติดอยู่ใต้ซากอาคารจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 00.10 น. ทีมกู้ภัยกว่า 60 นายได้เข้าดำเนินการค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ซากอาคาร โดยแบ่งพื้นที่ค้นหาเป็นโซนต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ในเวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่า โครงสร้างอาคารในโซน C มีการยุบตัวเพิ่มขึ้นถึง 5 เซนติเมตร ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของทีมกู้ภัย จึงมีคำสั่งให้ ยุติการค้นหาในโซน C และ D ชั่วคราวทันที เพื่อประเมินโครงสร้างเพิ่มเติม

สำหรับยอดผู้ประสบเหตุอัปเดตล่าสุด ณ เวลา 08.00 น. วันที่ 8 เมษายน 2568 มีดังนี้ ผู้ประสบเหตุรวม 103 ราย เสียชีวิต 21 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ยังติดค้างใต้ซากอาคาร 73 ราย

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายว่า ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญ เรื่องการรื้อถอนซากอาคาร ที่ต้องควบคู่ไปกับการค้นหาผู้สูญหายอย่างเข้มข้น และข่าวดีในวันนี้คือการได้รับการสนับสนุนเครื่องมือหนักสำคัญ ได้แก่ รถเครนขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการยกน้ำหนักถึง 1,000 ตัน ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการเคลื่อนย้ายซากปรักหักพังขนาดใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้นหา นอกจากนี้ ยังมีการเสริมทัพด้วย รถแบ๊กโฮที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการรื้อถอนและเปิดพื้นที่เข้าถึงจุดที่คาดว่ายังมีผู้สูญหายติดอยู่ภายใน

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ทีมเจ้าหน้าที่สามารถใช้รถแบ๊กโฮไต่ระดับขึ้นไปลดขนาดและความสูงของเศษซากอาคารได้สำเร็จ โดยสามารถลดระดับลงมาได้ประมาณ 3-4 เมตร ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการสร้างความปลอดภัยและเปิดทางให้การค้นหาในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นถึงแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการพบผู้สูญหายเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนยังคงมีความหวังและมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ โดยมีการวางแผนและปรับกลยุทธ์การทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การค้นหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่รัฐสภา นายเอกชัย เรืองรัตน์ สว.ในฐานะคณะกรรมาธิการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา แถลงถึงการจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือนอมินีของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และเกิดเหตุถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบพบข้อมูลเข้าข่ายความผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยเฉพาะการใช้คนไทยเป็นนอมินี กรรมการของนิติบุคคลของบริษัทมีการจดทะเบียนเป็นกิจการร่วมค้าฯ กับนิติบุคคลของประเทศไทย และเข้าเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้าง มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นร้อยละ 51ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบุคคลสัญชาติไทย 3 คน เข้าไปเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทอื่น ๆ ร้อยละ 51 และบริษัทจากจีนถือหุ้นร้อยละ 49

ทั้งนี้ยังพบว่า 3 คนไทยที่ถือหุ้นไชน่าไปถือในบริษัทอื่นอีก 11 แห่ง ไม่สอดคล้องกับสถานะทางเศรษฐกิจของแต่ละคน จึงจะต้องสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ว่าเป็นกรณีถือหุ้นหรือทุนแทนนิติบุคคลต่างชาติ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลดังกล่าวมีฐานะเป็นคนต่างด้าว ตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รวมทั้งเรื่องการนำวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ในการก่อสร้างหรือไม่ โดยกรรมาธิการจะได้รวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้ดีเอสไอและรัฐบาล

นายเอกชัย กล่าวว่า คนไทยทั้ง 3 คนในบริษัทดังกล่าวยังถือหุ้นไขว้กับอีก 11 บริษัท และใน 11 บริษัท มีนิติบุคคลต่างด้าวหรือคนจีนถือหุ้นอยู่ และยังไปถือหุ้นในบริษัทอื่นด้วยตามความสัมพันธ์อีก 8 บริษัท ซึ่งในลักษณะของนอมินีเราต้องตรวจสอบกันต่อ
“ปัญหาใหญ่ของประเทศเราในวันนี้คือเรื่องนอมินี ในการตรวจเช็กเรายังพบอีกว่ามีบุคคลบางบุคคลที่ไม่ได้มีฐานะ ถือหุ้นถึง 120 บริษัทของบริษัทใหญ่ ซึ่งเราจะทำการตรวจ” นายเอกชัยกล่าว

นายเอกชัยยังกล่าวว่า เบื้องต้นกรรมาธิการได้ตรวจสอบข้อมูลจากเอกสาร และจะมีการเจาะลึกลงไปว่ามีบริษัทดังกล่าวใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานในการก่อสร้างหรือไม่ รวมทั้งอำนาจการบริหารของคนไทยที่เข้าไปถือหุ้นว่ามีอำนาจในการบริหารจริงหรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องการติดตามคนไทยทั้ง 3 คน เป็นเรื่องของตำรวจและฝ่ายปกครอง อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการจะเร่งตรวจสอบเรื่องนอมินี เนื่องจากขณะนี้พบว่าคนไทยถูกต่างด้าวแย่งงาน จนขณะนี้คนไทยจะไม่มีอาชีพ