แม้ถูกคว่ำบาตร หรือแซงก์ชัน เมื่อเนิ่นนาน กินเวลาพอๆ กับ “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” คือ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธุ์ 2022 (พ.ศ. 2565) แต่ปรากฏว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ว่า ก็ยังมิอาจสร้างความเสียหายให้แก่ “รัสเซีย” ประเทศเจ้าของฉายา “พญาหมี” ผู้ถูกแซงก์ชันได้มากเท่าไรนัก
โดย “รัสเซีย ถูกคว่ำบาตรจากการที่ “ก่อสงคราม” ยกกองทัพบุกข้ามพรมแดนเข้าไปรุกราน “ยูเครน” ภายใต้การคำสั่งของ “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน” ที่ใช้ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ซึ่งก็คือการประกาศสงคราม ทำสงครามสู้รบกับยูเครน นั่นเอง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565)
ส่งผลให้ “รัสเซีย” ถูก “คว่ำบาตร” หรือ “แซงก์ชัน” เพื่อเป็นการลงโทษที่ได้ก่อสงครามเช่นนั้น
แถมมิหนำซ้ำ การคว่ำบาตร ก็หาได้ดำเนินมาตรการแต่เพียงชาติเดียว คือ “สหรัฐอเมริกา” ประเทศผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัสเซีย มาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ แต่ปรากฏว่า บรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเหล่าประเทศในยุโรปตะวันตก และยุโรปตะวันออกในหลายประเทศ และย่านภูมิภาคเอเชียในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ก็ร่วมดำเนินมาตรการคว่ำบาตร แซงก์ชัน เพื่อลงโทษรัสเซีย เป็นประการต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย ที่ทำสงครามรุกรานยูเครนอีกต่างหากด้วย
มาตรการคว่ำบาตร ก็เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ช่วงของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้ว่ามาตรการดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจของรัสเซียกันอยู่บ้าง แต่รัสเซีย ก็ได้ปรับตัว ปรับกลยุทธ์ในทางเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจ เช่น แสวงหาประเทศลูกค้าแห่งอื่นๆ นอกเหนือจากเหล่าชาติตะวันตกที่เป็นลูกค้าเดิม เช่น สินค้าพลังงานน้ำมัน ก็ระบายมายังอินเดีย ประเทศคู่ค้ารายใหม่ในย่านเอเชียใต้ รวมไปถึงจีน ประเทศพันธมิตรของรัสเซีย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เป็นอาทิ ทำให้รัสเซีย ยังมีรายได้จากการส่งออก รวมทั้งบรรดานักธุรกิจของรัสเซีย ที่ยังคงมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ
มิหนำซ้ำรายได้ข้างต้น ก็มิใช่จำนวนน้อยๆ แต่ถึงทำให้บรรดานักธุรกิจหลายราย กลายเป็นเศรษฐีใหม่ และเศรษฐีใหม่ที่ว่า ก็ไม่ใช่ว่า มีรายได้ระดับล้าน สองล้าน แต่กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ที่มีความร่ำรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ควบคู่ไปกับ “ความร่ำรวยของเมือง” ที่มีผู้ถือครองทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ซึ่งจำนวนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของมหาเศรษฐีหน้าใหม่แต่ละคน ก็รวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ความร่ำรวยที่ว่า ก็มิได้ทึกทักมโนเอาเอง แต่เป็นการจัดอันดับประจำปี 2025 (พ.ศ. 2568) โดย “ฟอร์บส์” นิตยสารชื่อดังในสหรัฐฯ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเจอร์ซีซิตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐฯ
ตามการรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า “กรุงมอสโก” เมืองหลวงของรัสเซีย ในปีนี้กำลังอู้ฟู่เศรษฐกิจฟูเฟื่อง จนทำให้มีมหาเศรษฐีที่มีความร่ำรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจำนวนมากขึ้น กระทั่งสามารถเบียดแซง “ฮ่องกง” เขตบริหารพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ดินแดนที่ได้ชื่อว่า มีเม็ดเงินสะพัดจำนวนมหาศาล ในฐานะตลาดเงิน ตลาดทุน ระดับแถวหน้าของโลกมาได้เป็นผลสำเร็จ โดยเป็นรองเพียง “มหานครนิวยอร์ก” รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ที่ยังคงรั้งตำแหน่ง “เมืองที่มหาเศรษฐีที่รวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดในโลก”
“ฟอร์บส์” รายงานว่า ในปี 2025 (พ.ศ. 2568) นี้ “กรุงมอสโก” มีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นจากปีที่แล้ว 16 คน ทำให้กรุงมอสโก มีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวยระดับดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 90 คน และถือครองทรัพย์สินรวมกันแล้วก็มากถึง 4.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แซงหน้า “ฮ่องกง” ที่มีมหาเศรษฐีรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 72 คน และถือครองทรัพย์สินรวมกันอยู่ที่ 3.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หล่นไปอยู่อันดับที่ 3 ในปีนี้ อย่างไรก็ดี “ฮ่องกง” ก็ยังถูกจัดว่า เป็นดินแดนที่มีมหาเศรษฐีรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
โดย “กรุงมอสโก” ตามหลัง “มหานครนิวยอร์ก” ที่มีมหาเศรษฐีรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 123 คน และถือครองทรัพย์สินรวมกันแล้วอยู่ที่ 7.59 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ “กรุงมอสโก” มีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่
นายวิกรม ปูเนีย ชาวรัสเซียเชื้อสายอินเดีย ผู้ก่อตั้ง “ฟาร์มาซินเทซ” บริษัทผู้ผลิตยาอันเลื่องชื่อในรัสเซีย โดยนายวิกรมผู้นี้ ถือครองทรัพย์สินจำนวน 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นางลุดมีลา โคกาน ภริยาหม้ายของนายวลาดิเมียร์ โคกาน ซึ่งเป็นผู้รับมรดกในการถือครองหุ้นรายใหญ่ของธนาคารอูราลซิบ โดยนางลุดมีลา ถือครองทรัพย์สินจำนวน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ฝาแฝดพันล้านชื่อก้องชาวรัสเซีย นั่นคือ “นายอเล็กซานเดอร์” และ “นายวิกเตอร์ แห่งตระกูล “นินนิก” ซึ่งทั้งคู่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารและเนื้อสัตว์ โดยทั้งสองต่างถือครองทรัพย์สินจำนวนคนละ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายบอริส นูราลิเอฟ ผู้ก่อตั้ง “วันซี” บริษัทด้านซอฟต์แวร์ชื่อดังในรัสเซียเช่นกัน โดยเขาถือครองทรัพย์สินจำนวน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในรัสเซีย ยังคงเป็นนายวากิต อาเล็กเปรอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของบริษัทน้ำมัน “ลุคออยล์” โดยเขาถือครองทรัพย์สินจำนวนมูลค่ามากกว่า 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยกัน กล่าวกันว่า นายอาเล็กเปรอฟผู้นี้ มีสายสัมพันธ์อันดีกับประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย อีกต่างหากด้วย ถึงขั้นได้เข้าพบบ่อยครั้งที่ทำเนียบเครมลิน
นอกจากที่กรุงมอสโก ในเมืองอื่นๆ ของรัสเซีย ก็มีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเหมือนกัน ทำให้รัสเซีย มีมหาเศรษฐีรวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมกันแล้ว 146 คน
โดยธุรกิจที่ทำเงิน ทำรายได้ เป็นกอบเป็นกำในรัสเซีย ก็มีทั้งด้านพลังงาน ซึ่งรัสเซียมีความอุดมสมบูรณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็ยังมีธุรกิจเหมืองถ่านหิน ด้านการเงิน และด้านไอที ที่รัสเซียดูจะเชี่ยวชาญมิใช่น้อย