"มาริษ" เผยรอกำหนดวันเจรจาสหรัฐฯ ยันเน้นต่อรองเพื่อประโยชน์ประเทศมากที่สุด

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือต่อมาตรการกำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หรือ tariff ว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาทในกระบวนการเจรจาตั้งแต่ต้น ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศมาตรการทางภาษี เนื่องจากมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ดังนั้น จึงให้คำยืนยันได้ว่า รัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

โดยบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศนั้น นายมาริษ ชี้แจงว่า ได้มอบหมายให้ นางใจไทย อุปการนิติเกษตร รักษาการอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ของกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมคณะทำงานของรัฐบาล ที่มีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีการเตรียมพร้อม สำหรับมาตรการรับมือต่างๆ รวมถึงการคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไว้ก่อนแล้ว

นายมาริษ ยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีนายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ซึ่งเป็นทีมเจรจา และมีบทบาทสำคัญในการประสาน และสนับสนุนการเจรจาของรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งเอกอัครราชทูตไทย มีบทบาทในการดำเนินความสัมพันธ์ในทุกมิติกับสหรัฐฯ ไม่เพียงเรื่องการค้า แต่ยังมีเรื่องของความมั่นคงและการทหาร ที่กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และมีการพูดคุย รวมถึงเข้าไปโน้มน้าวเจรจาหน่วยงานต่างๆของสหรัฐฯที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกมิติ ไม่เพียงแต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีที่ปรึกษาของประธานาธิบดี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงเกษตร เป็นต้น 

ทั้งนี้บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในการเจรจาเรื่องนี้ จึงไม่ใช่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังอยู่ในสหรัฐฯ ด้วย เพราะมาตรการภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก กระทบต่อการค้า และผู้ประกอบการในวงกว้าง ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานของไทย ล้วนมีบทบาทสำคัญ และต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้

ส่วนกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้ต่อสายหารือกับผู้นำ 4 ชาติในอาเซียน เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา แต่ไม่มีไทยอยู่ในวงนี้ด้วยนั้น นายมาริษยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้มีการติดต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันถัดมา ซึ่งผู้นำจะมีการติดต่อหารือกันอยู่ตลอดอยู่แล้ว 

สำหรับมาตรการของไทยที่เตรียมไว้นั้น นายมาริษกล่าวว่า เป็นท่าทีที่สำคัญของรัฐบาล ที่จะใช้ในการต่อรองกับสหรัฐฯ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะแต่ละประเทศ ได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ท่าที และการเจรจาต่อรองจึงแตกต่างกัน แต่ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยจะเจรจาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุด

นายมาริษย้ำว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งทีมงานของรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับมาตรการดังกล่าว โดยสามารถคาดการณ์แนวโน้มได้ล่วงหน้า ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้รักษาการอธิบดีกรมอเมริกาอยู่ในคณะทำงานดังกล่าวของรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมอย่างใกล้ชิด

นายมาริษเชื่อว่า ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ไทย–สหรัฐฯ ที่ยาวนานและแน่นแฟ้น โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและการทหาร และยังมีความตกลงระหว่างกันมากมาย เช่น สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ ที่เป็นรากฐานของความร่วมมือและความสัมพันธ์ จึงมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเจรจา

#ทรัมป์ #ข่าววันนี้ #ภาษีทรัมป์ #กระทรวงการต่างประเทศ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์