วันที่ 9 เม.ย.68 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2 ดินแดง นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่2 ครั้งที่ 2 ประจำปี2568 โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล นางสาวทวิดา กมลเวชช นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. คณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หัวหน้าส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว รายงานผลการศึกษา คณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ประชุม จำนวน 7 ครั้ง โดยได้ศึกษาถึงข้อเท็จจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งได้ประชุมร่วมกับสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) และเชิญบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ร่วมให้ข้อมูล
โดย สจส. ได้รายงานต่อคณะกรรมการวิสามัญฯทราบผลการดำเนินการว่าได้ชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสุด ซึ่งเป็นค่าจ้างเดินรถฯ ของส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่เดือน พ.ค.62 ถึงเดือน พ.ค.64 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน เม.ย.60 ถึงเดือน พ.ค.64 เป็นจำนวน 14,476,884,201.60 บาท ให้แก่สำนักบังคับคดี สำนักงานศาลปกครองกลางแล้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.67
สำหรับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนที่ยังไม่ได้ชำระ ให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลขนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอสซี) ดังนี้ ช่วงฟ้องครั้งที่2 เดือน มิ.ย.64-ต.ค.65 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 12,245 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย1 เงินต้น 2,279 ล้านบาท ดอกเบี้ย 501 ล้านบาท รวม 2,780 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย2 เงินต้น 7,848 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1,617 ล้านบาท รวม 9,465 ล้านบาท และช่วงหลังฟ้องครั้งที่ 2 เดือนพ.ย.65ถึงเดือนธ.ค.67 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 17,121 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย1 เงินต้น 3,242 ล้านบาท ดอกเบี้ย 275 ล้านบาท รวม 3,516 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย2 เงินต้น 12,615 ล้านบาท ดอกเบี้ย 990 ล้านบาท รวม 13,605 ล้านบาท และจากประมาณการค่าจ้างเดินรถ ปี 2568 (เดือนม.ค.68ถึงเดือนธ.ค.68)จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ 8,761 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,612 ล้านบาท ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 6,149 ล้านบาท
ทั้งนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ศึกษาแล้วเห็นว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ในส่วนที่กทม.ยังไม่ได้ชำระให้แก่บีทีเอสซี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางบางส่วนโดยมีประเด็นการต่อสู้เช่นเดียวกับคดีที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดแล้ว โดยศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่าการทำสัญญาจ้างเดินรถไม่ขัดกับประกาศคณะปฏิวัติ พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยการพัสดุ สัญญาจ้างเดินรถจึงไม่ตกเป็นโมฆะ คู่สัญญาจึงมีข้อผูกพันที่ต้องปฏิบัติตามที่กำหนดในสัญญา และจากการตรวจสอบไม่พบข้อกฎหมายที่บัญญัติให้การพิจารณาคดีของศาลปกครอง ต้องถือตามข้อเท็จจริงตามการชี้มูลของคณะป.ป.ช.
จึงมีแนวโน้มอย่างสูงว่าการพิจารณาจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับคดีที่ 1 และค่าจ้างเดินรถ นอกจากที่ฟ้องบางส่วนได้ถึงกำหนดชำระเงินแล้ว โดยที่ทั้งสองส่วนมีภาระดอกเบี้ยสูงถึงวันละประมาณ 5,400,000 บาท ซึ่งจะกระทบต่อสถานะทางการเงินของกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก
ดังนั้นคณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่ากทม.ควรต้องเร่งพิจารณาหาแนวทางในการชำระหนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ข้อเสนอให้ฝ่ายบริหาร ควรเจรจากับบีทีเอสซี เพื่อหาข้อยุติโดยขอต่อรองการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย และพิจารณาเร่งรัดชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ในส่วนที่ค้างชำระเมื่อได้ข้อยุติ รวมถึงค่าจ้างฯ ในอนาคต ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง