พบอีก 3 ร่างผู้สูญหายใต้ซากอาคาร สตง. โซน C ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 20 ราย ด้าน “นายกฯอิ๊งค์”ฮึ่มตึกสตง.ถล่มต้องมีคนรับผิดชอบ พร้อมสั่งทบทวนตรวจตึกใหม่ทั่วประเทศ ทั้ง“เอกชน-ราชการ” ย้ำเพิ่มมาตรการรองรับแผ่นดินไหว ดึง 4 สถาบันวิศวะฯ-กรมโยธาฯ เร่งจำลองเหตุหาคำตอบภายใน 90 วันตึกถล่ม
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ล่าสุด ทีมกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ จุดโซน C ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการคาดการณ์ว่าอาจยังมีผู้ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร
เมื่อเวลา 03:16 น. เจ้าหน้าที่พบ ร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ใต้ซากอาคารโซน C ก่อนนำร่างลงสู่พื้นที่ด้านล่างเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยทีม DVI (Disaster Victim Identification) และเตรียมนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ต่อมาในเวลา 03:30 น. ทีมค้นหาพบ ร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ยังไม่สามารถระบุเพศได้ในขณะนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างนำร่างลงสู่เต็นท์พักคอย DVI เพื่อดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและส่งต่อให้กับสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเช่นกัน ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 20 ราย จาก จำนวนผู้ประสบภัยรวม 103 ราย ขณะที่ มีผู้รอดชีวิต 9 ราย และยัง คงติดค้างอยู่ภายในอาคารอีก 74 ราย โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งใช้ความระมัดระวังสูงสุดในการเข้าถึงพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยง เพื่อหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ได้โดยเร็วที่สุด
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังรับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ จากคณะกรรมสอบสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (สตง.) ว่า วันนี้ได้หลายข้อสรุปคือ ขอให้ความมั่นใจประชาชนว่ากฎหมายที่ออกมาเกี่ยวกับการสร้างอาคาร สามารถรองรับเรื่องแผ่นดินไหวแบบที่เกิดขึ้นมาได้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงเท่าเดิม ก็จะไม่ทำให้ตึกเกิดการถล่ม แต่ตึกเหล่านั้นต้องทำตามกฎหมายที่กำหนดไว้
นายกฯ กล่าวต่อว่า โดยที่ประชุมฯในวันนี้ได้ข้อสรุปว่า เราจะใช้ 4 สถาบันการศึกษาและกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อทำโมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มที่เกิดขึ้นจริง เพื่อที่จะให้รับทราบว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตึกถล่ม เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตคน ซึ่งรัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และที่พูดคุยกับคณะทำงาน การจะวิเคราะห์โมเดลที่จะทำแต่ละสถาบันใช้เวลาประมาณ 90 วัน ซึ่งความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของรายละเอียด ซึ่งไม่สามารถสรุปหรือชี้ได้ในวันนี้ ว่าอะไรทำให้ตึกถล่ม ดังนั้นเพื่อความแน่ชัดทางคณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและความโปร่งใสในการตรวจสอบ ให้ประชาชนได้เข้าใจ ซึ่งเราจะใช้วิศวกรจาก 4 สถาบันการศึกษาเข้ามาทำเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและมั่นใจได้
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องทบทวนกระบวนการตรวจสอบเรื่องของตึกและอาคารใหม่ทั้งหมด ทั้งเอกชนและราชการ ซึ่งตนบอกแล้วว่า ตนเคยทำเกี่ยวกับการสร้างตึกในภาคเอกชน มีข้อต้องได้รับการอนุมัติมากมาย เราต้องมาทบทวนกันใหม่ว่า การอนุมัติเรานั้นปลอดภัยใช่หรือไม่ กระบวนการต่างๆ เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ และอาคารของราชการ เราต้องเพิ่มอะไรเข้าไปหรือไม่ แต่อาคารของเอกชนและราชการเราสามารถเพิ่มในเรื่องมาตรการรองรับแผ่นดินไหวได้ด้วย ฉะนั้นการทบทวนกระบวนการเหล่านี้ จะทำให้กระบวนการคล่องตัวและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น ไม่อยากให้มีกระบวนการมากมายเกินไปและไม่เกิดประโยชน์ ส่วนการจะเพิ่มมาตรการอย่างไร เพื่อรองรับตึกที่สร้างในอนาคตจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นี่คือ ข้อสรุปจากการประชุม
“ผลการตรวจสอบสาเหตุจะต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน และเราได้ดูแล้วว่า ระหว่างทางกว่าที่จะได้โมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มใน 90 วัน เราจะดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่ทำแล้วผิดกฎหมายบ้าง หรือหากมีการผิดมาตรฐานหรือผิดกระบวนการก็ผิดกฎหมายอยู่ดี เรื่องไหนที่ผิดกฎหมายเราดำเนินคดีควบคู่กันไปอยู่แล้ว แต่ผลสรุป 100 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้ทราบว่าทั้งตึกเป็นเพราะอะไรถึงถล่ม” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามอีกว่า จะมีการดำเนินการกับบริษัทที่ผลิตเหล็กหรือไม่ ภายหลังจากที่ออกมาข่มขู่จะย้าย รมว.อุตสาหกรรมที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายกฯ ย้อนถามว่าใครจะย้ายรัฐมนตรีอุตสาหกรรม บริษัทจะย้ายรัฐมนตรีอาจจะไม่ถูกต้องในเรื่องกฎหมายหรืออำนาจ ความจริงรัฐมนตรีที่รับผิดชอบทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่มีใครโอเคกลับเรื่องการวิ่งเต้น และไม่สนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งตอนยังไม่เคยพูดคุยกับบริษัท บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ตนยังไม่ได้คุย แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการก็ต้องพูดคุย(รายละเอียดอ่านหน้า2)