ผู้ว่าฯพิจิตร ร่วมกับพาณิชย์-สหกรณ์การเกษตร-สภาเกษตรกร-สนง.เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร ชักชวนโรงสีเปิดตลาดนัดเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกในราคายุติธรรม ข้าวความชื้น15%ตันละ7,600บาท ให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไปตันละ 200บาท แถมช่วยค่ารถบรรทุก 300บาท/คัน ช่วงก่อนเทศกางสงกรานต์ โดยให้ซื้อ-ขายด้วยเงินสด เพื่อพี่น้องชาวนาจะได้นำเงินไปจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์
วันที่ 8 เมษายน 2568 นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนายรณรงค์ สิทธิเขตกรณ์ ปลัดจังหวัดพิจิตร นางวิมล เจริญฤทธิ์ พาณิชย์จังหวัดพิจิตร , นายธวัชชัย ทัดเที่ยง ประธานสภาเกษตรจังหวัดพิจิตรและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่กำกับดูแลและตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกจังหวัดพิจิตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวนาปรังโดยได้จัดตลาดนัดรับซื้อข้าวนาปรังครั้งนี้ที่ ตลาดกลางผลิตผลการเกษตร สหกรณ์การเกษตรเมืองพิจิตร จำกัด ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร และที่สหกรณ์การเกษตรโพทะเล ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 เมษายน 2568 โดยพบว่ามีเกษตรกรจำนวนมากให้ความสนใจนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวสดมาขายให้กับสหกรณ์ฯ ซึ่งที่สหกรณ์เมืองพิจิตรมีชาวนาจาก ต.ท่าหลวง ต.ฆะมัง ต.หัวดง ต.คลองคะเชนทร์ ต.เมืองเก่า ต.บ้านบุ่ง ต.สายคำโห้ ที่ทราบข่าวต่างขนข้าวเปลือกมาขายกันอย่างคึกคัก สาเหตุเพราะที่แห่งนี้ซื้อขายด้วยเงินสด รวมถึงข้าวที่เกี่ยวก่อนเทศกาลสงกรานต์โรงสีหลายแห่งเริ่มประกาศหยุดรับซื้อเนื่องจากจะหยุดให้คนงานเล่นน้ำสงกรานต์และเดินทางกลับบ้าน รวมถึงจะหยุดโรงสีในช่วง 12-17 เม.ย. 68 ในช่วงวันดังกล่าวอีกด้วย จึงทำให้ชาวนาเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเพราะต้องการขายและต้องการใช้เงิน ซึ่งข้าวที่นำมาขายส่วนใหญ่เป็นข้าวสายพันธุ์ กข. ที่มีอายุการปลูกมากกว่า 100 วัน ดังกล่าวนั่นเอง
โอกาสนี้ นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร บูรณาการร่วมกับภาคเอกชน คือ เจ้าของโรงสี คือ บริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด , บริษัท ธนสรรไรส์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงสีใหญ่ได้มาตรฐาน รวมถึง สหกรณ์การเกษตรของจังหวัดพิจิตร ที่มาร่วมด้วยช่วยกันรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร
โดยจัดเป็นลักษณะตลาดนัด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-10 เมษายน 68 โดยทางโรงการจะซื้อข้าวราคาสูงกว่าตลาด เฉลี่ยตันละ 200 บาท และช่วยค่ารถบรรทุกข้าวเปลือกที่นำมาขายในโครงการตลาดนัดในครั้งนี้ด้วย สำหรับราคาข้าวเกี่ยวสด ความชื้นไม่เกิน 25% จะรับซื้อที่ราคา 6,500 บาท/ตัน (ท่าข้าว-โรงสีทั่วไปซื้อข้าวเกี่ยวสดอยู่ที่ประมาณ 6,000บาท เท่านั้น) , ส่วนถ้าเป็นข้าวแห้งความชื้น15% จะรับซื้อที่ราคา 7,600 บาท/ตัน (ท่าข้าว-โรงสีทั่วไปซื้อข้าวแห้ง15%อยู่ที่ประมาณ 7,000บาทเศษ เท่านั้น) ซึ่งก็ทำให้เกษตรกร พอใจ ขายข้าวในราคาที่ดีกว่าท้องตลาด ขายแล้วจ่ายเลย สามารถนําเงินไปใช้ได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ด้วย
พร้อมกันนี้ ได้ฝากเน้นย้ำเกษตรกร ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่น้องเกษตรกรเกี่ยวข้าว ถ้าเก็บให้แห้งได้ก็จะได้ราคาดี แล้วถ้าจะต้องขายข้าวก็ขอให้ตรวจสอบเครดิตของโรงสีหรือถ้าข้าวจากผู้นำชุมชน สนง.พาณิชย์ สนง.เกษตร สนง.สภาเกษตรฯ รวมถึงกํานัน-ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นําชุมชนในท้องถิ่นท้องที่ของท่านว่าแนะนำที่ใดดีที่มีการซื้อขายด้วยเงินสด ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้ท่าข้าวหรือโรงสีโกงชาวนา ซึ่งมีเหตุการณ์ฉ้อโกงในลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายรายแล้วในพื้นที่จังหวัดพิจิตร แม้จะดำเนินคดีจนถูกติดคุกติดตะรางก็ยังไม่เข็ดหลาบ เก่าไปใหม่มาเป็นแบบนี้วนไปวนมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งและไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีกเลย