เมื่อเวลา 09.55 น.วันที่ 8 เม.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังรับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ จากคณะกรรมสอบสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (สตง.) ว่า วันนี้ได้หลายข้อสรุปคือ ขอให้ความมั่นใจประชาชนว่ากฎหมายที่ออกมาเกี่ยวกับการสร้างอาคาร สามารถรองรับเรื่องแผ่นดินไหวแบบที่เกิดขึ้นมาได้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงเท่าเดิม ก็จะไม่ทำให้ตึกเกิดการถล่ม แต่ตึกเหล่านั้นต้องทำตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเราจะเห็นว่าไม่มีตึกไหนมีความเสียหายมาก มีแต่เรื่องการกระเทาะซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตึกที่ถล่มมีเพียงตึกเดียว ที่เราเอามาดูในเรื่องข้อเท็จจริงว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง และที่นำมาดู มาคุยกันก็ได้ข้อสงสัยหลายเรื่อง เป็นข้อสงสัยที่ค่อนข้างสำคัญอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มต้นและในกระบวนการ และอีกอย่างที่ต้องทำคือว่าไซต์งานก่อสร้างที่เกิดเหตุยังต้องใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่ 1 เดือน
นายกฯ กล่าวต่อว่า โดยที่ประชุมฯในวันนี้ได้ข้อสรุปว่า เราจะใช้ 4 สถาบันการศึกษาและกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อทำโมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มที่เกิดขึ้นจริง เพื่อที่จะให้รับทราบว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตึกถล่ม เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตคน ซึ่งรัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และที่พูดคุยกับคณะทำงาน การจะวิเคราะห์โมเดลที่จะทำแต่ละสถาบันใช้เวลาประมาณ 90 วัน ซึ่งบอกว่าเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของรายละเอียด อะไรบ้างที่ทำให้ตึกถล่ม ซึ่งไม่สามารถสรุปหรือชี้ได้ในวันนี้ว่าอันนี้ทำให้ตึกถล่ม เพื่อความแน่ชัดทางคณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและความโปร่งใสในการตรวจสอบ ให้ประชาชนได้เข้าใจ ซึ่งเราจะใช้วิศวกรจาก 4 สถาบันการศึกษาเข้ามาทำเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและมั่นใจได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตึกทุกตึกที่สร้างตามกฎหมายที่กำหนด กฎหมายนี้ครอบคลุมเป็นอย่างดี ไม่อยากให้ประชาชนต้องหวาดกลัวว่าตึกของเราจะเป็นอย่างไร เราจะเห็นเลยว่าทุกตึกที่เกิดแผ่นดินไหวไม่มีตึกถล่ม มีเพียงจุดเดียวเท่านั้น ตนขอให้ความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามข้อสงสัยที่ได้รับมาในตอนนี้ รอให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน และอีกอย่างเมื่อเคลียร์พื้นที่ไซต์ก่อสร้างเสร็จสิ้น เราก็จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องทบทวนกระบวนการตรวจสอบเรื่องของตึกและอาคารใหม่ทั้งหมด ทั้งเอกชนและราชการ ซึ่งตนบอกแล้วว่า ตนเคยทำเกี่ยวกับการสร้างตึกในภาคเอกชน มีข้อต้องได้รับการอนุมัติมากมาย เราต้องมาทบทวนกันใหม่ว่า การอนุมัติเรานั้นปลอดภัยใช่หรือไม่ กระบวนการต่างๆ เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ และอาคารของราชการ เราต้องเพิ่มอะไรเข้าไปหรือไม่ แต่อาคารของเอกชนและราชการเราสามารถเพิ่มในเรื่องมาตรการรองรับแผ่นดินไหวได้ด้วย ฉะนั้นการทบทวนกระบวนการเหล่านี้ จะทำให้กระบวนการคล่องตัวและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น ไม่อยากให้มีกระบวนการมากมายเกินไปและไม่เกิดประโยชน์ ส่วนการจะเพิ่มมาตรการอย่างไร เพื่อรองรับตึกที่สร้างในอนาคตจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นี่คือ ข้อสรุปจากการประชุม
เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยเรื่องคุณภาพเหล็กที่นำมาใช้ก่อสร้าง คณะกรรมการได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ว่า มีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลเรื่องของวัสดุต่างๆเกี่ยวข้องแน่นอน โดยสถาบันต่างๆ จะมาช่วยกันดูประกอบว่า สิ่งใดบ้างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตามรายละเอียดในเรื่องโครงสร้างขอให้ทางคณะกรรมการวิชาชีพชี้แจง
“ผลการตรวจสอบสาเหตุจะต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน และเราได้ดูแล้วว่า ระหว่างทางกว่าที่จะได้โมเดลจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มใน 90 วัน เราจะดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่ทำแล้วผิดกฎหมายบ้าง หรือหากมีการผิดมาตรฐานหรือผิดกระบวนการก็ผิดกฎหมายอยู่ดี เรื่องไหนที่ผิดกฎหมายเราดำเนินคดีควบคู่กันไปอยู่แล้ว แต่ผลสรุป 100 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้ทราบว่าทั้งตึกเป็นเพราะอะไรถึงถล่ม” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามอีกว่า จะมีการดำเนินการกับบริษัทที่ผลิตเหล็กหรือไม่ ภายหลังจากที่ออกมาข่มขู่จะย้าย รมว.อุตสาหกรรมที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายกฯ ย้อนถามว่าใครจะย้ายรัฐมนตรีอุตสาหกรรม บริษัทจะย้ายรัฐมนตรีอาจจะไม่ถูกต้องในเรื่องกฎหมายหรืออำนาจ ความจริงรัฐมนตรีที่รับผิดชอบทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่มีใครโอเคกับเรื่องการวิ่งเต้น และไม่สนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งตอนยังไม่เคยพูดคุยกับบริษัท บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ตนยังไม่ได้คุย แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการก็ต้องพูดคุย