ฝนไม่ใช่อุปสรรค! กู้ภัยระดมกำลังค้นหา 73 ผู้สูญหายต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 เหตุ ตึก สตง. ถล่ม ด้าน ทีม K9 USARยุติภารกิจค้นหา ชี้หากฝืนอาจเสี่ยงอันตรายต่อสุนัขกู้ภัย ส่วนดีเอสไอ จ่อลงพื้นที่ร่วม กทม.-กรมโยธา ตรวจสอบเหตุ ตึก สตง. ถล่ม พร้อมตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ ร่วมทีมที่ปรึกษาคดี พร้อมเรียกสอบผู้รับเหมาช่วง 28 โครงการ ให้รายละเอียดบริษัทไชน่าฯว่าจ้าง แย้มขยายผลฐานฟอกเงินได้ หากพบความผิดมูลฐาน ขณะที่ ซิน เคอ หยวนจ่อแถลงข่าว 9 เม.ย. ปมเหล็กเส้นตึก สตง.ถล่ม ยันดำเนินกิจการสุจริต
       
         เมื่อวันที่ 7 เมษายน 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่ม ใกล้สวนจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นวันที่ 11 ของภารกิจช่วยเหลือ แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เช้า ทำให้การปฏิบัติงานล่าช้ากว่ากำหนดก็ตาม
        
 อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายร้อยนาย จากทุกโซนปฏิบัติการ ทั้งโซน A, B, C และ D ได้ร่วมกันใช้เครื่องจักรหนักเปิดทางในพื้นที่ เพื่อเร่งเข้าถึงจุดที่คาดว่าจะมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดย เฉพาะในพื้นที่โซน B ซึ่งมีการพบร่องรอยเพิ่มเติม จึงเน้นการค้นหาในจุดนี้เป็นพิเศษ
       
  ขณะที่ ทีมงาน K9 USAR THAILAND องค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ สังกัด USAR ประเทศไทย แถลงยุติภารกิจและส่งมอบพื้นที่การค้นหาให้แก่เจ้าของพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานต่อไป K9 USAR THAILAND ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนภารกิจครั้งนี้ และขออนุญาตลากลับที่ตั้ง
       
  นายสุทธิเกียรติ โสภณิก ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และหัวหน้าชุดสุนัขค้นหา (K9 USAR THAILAND) เปิดเผยว่า ทีมได้เริ่มภารกิจตั้งแต่วันเกิดเหตุคือวันที่ 28 มีนาคม จนถึงปัจจุบัน รวมเวลาทั้งสิ้นประมาณ 11 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ USAR ที่กำหนดให้ภารกิจค้นหาต้องดำเนินการอย่างน้อย 7-10 วัน และขณะนี้ได้ครบกำหนดแล้ว ทางทีม K9 พิจารณาแล้วว่าหากดำเนินภารกิจต่อไปอาจทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และสุนัขเสี่ยงต่ออันตรายได้จึงขอยุติการค้นหาในครั้งนี้และส่งมอบภารกิจให้กับเจ้าหน้าที่ต่อไป
     
    วันเดียวกัน พ.ต.ต.วร ณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบ สวนคดีพิเศษ(DSI) ลงนามหนังสือคดีพิเศษที่ 32/2568เพื่อให้สอบสวนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือนอมินี กรณีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.)แห่งใหม่ถล่ม เมื่อวันที่28มีนาคมที่ผ่านมา โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนนั้น
        
 พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า คณะพนัก งานสอบสวนคดีพิเศษมีมติเรื่องการลงพื้นที่สถานที่เกิดเหตุให้ประสานกับทางกรุงเทพ มหานคร โดยจะทำหนังสือประสานไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อขอเข้าพื้นที่และประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นต้น แต่เนื่องจากตอนนี้ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญอันดับแรกคือการบรรเทาสาธารณภัย แต่เราก็ต้องประสานการปฏิบัติเรื่องพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ซึ่งหากดีเอสไอได้รับการประสานเพื่อเข้าพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง คาดว่าเจ้าหน้าที่กรมโยธาฯ จะดูในเรื่องของโครงสร้างโดยขณะนี้อยู่ระหว่างอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษลงนามหนังสือ นอกจากนี้ ดีเอสไอก็จะต้องประ สานกับสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.)ที่ดูเรื่องเหล็กและปูน เพื่อขอเอกสารสรุปผลรายงานการตรวจสอบคุณภาพเหล็กเส้นที่ใช้ในโครงการก่อสร้างด้วย
    
     พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า ตนอยากประชาสัมพันธ์ขอให้กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวไทยทั้ง 3 ราย ให้ความร่วมมือเข้าพบพนักงานสอบ สวนคดีพิเศษเพื่อให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เพราะการหลบซ่อนย่อมไม่เป็นผลดี อีกทั้งตอนนี้ยังไม่ได้มีใครเป็นผู้กระทำผิด เพียงแต่ต้องมีการอธิบายถึงสถานะการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจขนาดใหญ่แบบนั้น นอกจากนี้ การสอบ สวนจะขยายผลว่าปรากฏเข้ามูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินด้วยหรือไม่ ทั่งนี้ หากมีประเด็นเรื่องคดีฮั้วประมูลเกิดขึ้น ก็จะเข้าข่ายตาม 28 ประเภทความผิดกฎหมายฟอกเงิน
    
     พ.ต.ต.วรณัน ยังเผยถึงความคืบหน้าเรื่องการเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะปรึกษาคดีพิเศษ โดยมติของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า สำหรับคณะปรึกษาคดีพิเศษ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา รวม 6 ราย ประกอบด้วย ที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบสวนและการฟ้องคดี 2 คน คือ 1.นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ ผู้ตรวจการอัยการ 2.นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด 3.พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการสอบสวนคดีพิเศษ 4.น.ส.กนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้สอบบัญชีสรรพากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี 5.รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างวิศวกรโยธา เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) - Anti-Corruption Organization of Thailand 6.ดร.ธเนศ ศรีศิริโรจนากร ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างวิศวกรปฐพี เพื่อร่วมทำการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษในทุกมิติ
    
     นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า วันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการเรียกสอบปากคำผู้รับเหมาช่วง 28 โครงการ ที่จีนได้มีการว่าจ้างนั้น มีรายละเอียดการว่าจ้างอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกรณีของบริษัท 9PK จำกัด ที่วานนี้ (6 เมษายน) ได้มีผู้รับเหมาช่วงมาร้องเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกเบี้ยวค่าแรง ซึ่งระหว่างนี้พนักงานสอบสวนจะต้องทำการตรวจสอบหนังสือเอกสารสัญญาก่อน เพื่อดูรายละเอียดว่ามีการระบุเรื่องสัญญากันอย่างไรบ้าง สัญญาจ้างรับเหมาช่วงมีเนื้อหาอย่างไร รวมถึงบริษัทดังกล่าวได้เข้าไปรับจ้างเหมาช่วงได้อย่างไร เพราะปกติแล้วกรณีดังกล่าวจะไม่สามารถรับจ้างเหมาช่วงได้
     
    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊ก "ลอรี่ - พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ" ระบุว่า
     
    เนื่องจากผลิตภัณฑ์ เหล็กเส้น ที่เก็บพบบริเวณซากอาคาร สตง.ที่ถล่ม ซึ่งทีม สมอ. ร่วมกับสถาบันเหล็กฯ ได้ทำการตรวจสอบมาตรฐานเบื้องต้นปรากฏว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐาน เป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามอง เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินประชาชนคนไทยวงกว้าง
     
    กระทรวงอุตสาหกรรม ขออนุญาติเปิดบ้าน เพื่อนัดหมายพี่ๆสื่อมวลชนทุกท่าน โดยมีทีมโฆษกกระทรวง ทีมสุดซอย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข้อเท็จจริงสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเคลียร์ชัดในข้อมูลหลายๆมุมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีปัญหา และผลการดำเนินการก่อนหน้า ตั้งแต่ ธค.67
     
    ทั้งการพิสูจน์ความจริงอนาคต กรณีตึกถล่ม และมาตรการการสร้างความปลอดภัยกับวัสดุก่อสร้างให้ผู้ใช้ชาวไทย ระยะยาวต่อไป ที่กระทรวงอุตสาหกรรมยึดถือปฏิบัติ อย่างโปร่งใส ตามหลักการ ไม่เลือกปฏิบัติ
     
    โดยเริ่มนัดแรกในวันที่ 10 เมษายน 2568 เวลา 10.00น. ณ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงใคร่ขอเรียนเชิญมา ณ โอกาสนี้
    
     ทางด้าน นายเฉิน เจี้ยนฉี กรรมการบริษัท และนายสมพัน ปันแก้ว กรรมการบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชน เรื่อง ขอแถลงข่าวข้อเท็จจริง กรณีบริษัทฯถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดย ไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม
    
     ทั้งนี้ ในจดหมาย ระบุว่า ตามที่ขณะนี้มีข่าวในเชิงลบและเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ที่ผลิตขึ้นปราศจากมาตรฐาน อีกทั้งมีการตรวจสอบพบในการก่อสร้าง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แห่งใหม่ใกล้สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร การต่อมาเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวทำให้อาคารสูง 30 ชั้น ถล่มลงมา
     
    ทางบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ใคร่ขอแถลงต่อสื่อมวลชน ถึงข้อเท็จจริงทุกประการรวมทั้งมีความประสงค์จะขอสื่อสารไปยังประชาชนทั้งประเทศด้วยถึงเจตุจำนงที่จะประกอบกิจการโดยสุจริตยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างมั่นคง จึงขอกราบเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนทุกสาขาอาชีพ โปรดรับฟังการแถลงข่าวของบริษัทซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ในวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้อง ลีลาวดี โรงแรมรามาการ์เด้น ถนน วิภาวดีรังสิต บางเขน กรุงเทพมหานคร โดยพร้อมเพรียงกัน