ตื่นตระหนก ช็อกโลกกันอีกคำรบ สำหรับ ปฏิบัติการก่อการร้ายโดย “อัล – ชาบาบ (Al – Shabaab)” กลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง ที่เคลื่อนไหวในภูมิภาคด้านตะวันออกของทวีปแอฟริกา เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฉากการสะท้านขวัญ ทางกลุ่ม “อัล-ชาบาบ” ก็ใช้ปฏิบัติการก่อการร้ายทั้ง “ระเบิดรถยนต์” หรือ “คาร์บอมบ์” ถึงสองลูกซ้อน ก่อน “ใช้อาวุธสงครามกราดยิง” โจมตีบริเวณดุสิต คอมเพล็กซ์ โรงแรมดุสิต ดีทู (Dusit D2 Hotel) อันเป็นโรงแรมในเครือของโรงแรมดุสิตธานีของไทยเรา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงไนโรบี เมืองหลวงของประเทศเคนยา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ต้องถือว่า ยังไม่ยุติสนิทดี เพราะทางการเคนยา ก็ยังไม่ได้ประกาศว่า เหตุก่อการร้ายจบลงเรียบร้อยหรือไม่ ได้แต่แถลงว่า ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว แต่ ทว่า ก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นอยู่ ก็ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายจะเป็นอย่างไร มีจำนวนที่แท้จริงเท่าไหร่ ทางการเคนยา ก็ยังไม่ได้ระบุชัด ได้แต่บอกว่า มีจำนวนประมาณ 4 คน แต่งกายด้วยชุดสีดำ คล้ายพวกทหารพราน พร้อมอาวุธสงครามครบมือ ว่ากันในส่วนของกลุ่มก่อการร้ายที่ออกมาก่อเหตุ ก็ต้องบอกว่า เป็นไปตามคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ ผู้สันทัดกรณี ที่เสนอทรรรศนะไว้ตั้งแต่ต้น คือ “อัล-ชาบาบ” กลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง เครือข่ายของขบวนการก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ด้านภูมิภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกา โดยมีฐานที่มั่นใหญ่อยู่ในประเทศโซมาเลีย ชาติบ้านใกล้ร้านเคียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของเคนยา เมื่อปรากฏว่า ทาง “อัล-ชาบาบ” ออกแถลงการณ์รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ด้วยการระบุะว่า เป็นฝีมือของทางสมาชิกกลุ่ม นอกจากออกมาอ้างความรับผิดชอบแล้ว ทาง “อัล-ชาบาบ” ยังคุยโวผ่านทาง “นายอับดีอาซิซ อาบู มูซาบ” ซึ่งดำรงตำแหน่ง “โฆษกของอัล-ชาบาบ” ด้วยว่า “นักรบของพวกเราได้สังหารศัตรูไปถึง 47 คน ภายในคอมเพล็กซ์ดังกล่าว และนักรบมูจาฮีดีนของอัล-ชาบาล ที่ปฏิบัติการก่อเหตุ ก็ยังสามารถควบคุมพื้นที่อาคารต่างๆ ได้หลายจุดอีกด้วย ทว่า ไม่ว่าทางฝ่ายจะแถลงกันไปอย่างไร โลกก็คงต้องจับจ้องดูสถานการณ์ข้างต้นกันอย่างไม่กระพริบตาเพราะสถานการณ์ยังถือว่า ไม่สงบยุติดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเคนยา คุ้มกันประชาชนให้หลบหนีออกจากโรงแรมดุสิต ดีทู หลังกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงอัล-ชาบาบ บุกเข้าไปก่อเหตุ บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะต่อปฏิบัติการเขย่าขวัญของอัล-ชาบาบระลอกล่าสุดด้วยว่า ถือเป็นอีกครั้งที่ก่อการร้ายกลุ่มนี้กลับมาเป็นที่กล่าวขวัญกันอีกครั้ง หลังห่างหายกันไปอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งระหว่างที่หายหน้าไป ก็คาดหมายว่า น่าจะใช้เวลาเพื่อการวางแผนก่อเหตุข้างต้น จะเรียกว่า เพื่อ “สางแค้น” ของ “อัล-ชาบาบ” ที่มีต่อ “รัฐบาลเคนยา” อีกครั้ง ก็ว่าได้ หลังจากที่ “แค้นฝังหุ่น” ต่อกันมา จนมีปฏิบัติการก่อการ้ายโต้ตอบทางการไนโรบีกันมาหลายครั้ง ซึ่งถ้าว่ากันตามสถิติแล้ว อาจจะมากกว่าปฏิบัติการก่อการร้ายต่อทางการโซมาเลีย อันเป็นฐานที่มั่นของพวกเขาเองด้วยซ้ำ โดยตามสถิติที่หนักหนาสาหัส ก็ไล่ไปตั้งแต่ปี 2556 มาเลย ที่ “อัล-ชาบาบ” ปฏิบัติการ “ถอนแค้น” ต่อ “เคนยา” อาทิเช่น การโจมตี “ห้างสรรพสินค้าเวสต์เกตมอลล์” ในกรุงไนโรบี เมื่อเดือนกันยายน 2556 คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 67 ราย และยึดห้างฯ ดังกล่าวไว้เป็นเวลา 80 ชั่วโมง เหตุกลุ่มก่อการร้ายอัล-ชาบาบ บุกโจมตีห้างสรรพสินค้าเวสต์เกตมอลล์ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อปี 2556 การจี้รถโดยสารของเคนยา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ก่อนสังหารผู้คนที่ไม่ได้เป็นมุสลิมบนรถโดยสารคันดังกล่าวไป 28 ศพ การก่อการร้ายที่ “มหาวิทยาลัยการิสซา” ของเคนยา เมื่อเดือนเมษายน 2558 ก็ปลิดชีวิตผู้คนไปถึง 148 ศพ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อ การโจมตีค่ายทหารเคนยาที่เมืองเอลอัดเด พร้อมสังหารทหารหาญของเคนยาไปกว่า 200 นาย เมื่อปี 2559 และเหตุสะเทือนขวัญครั้งล่าสุด ที่สถานการณ์ยังมิอาจบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า จบสิ้นยุติลงไปแล้ว “ผศ. พอล วิลเลียมส์” ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่ง “มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน” ในสหรัฐฯ แสดงทรรศนะว่า ปฏิบิตการก่อการร้ายของอัล-ชาบาบ ต่อเคนยาที่มีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และครั้งล่าสุดนั้น จะเรียกว่า เป็นการ “เอาคืน” จากทางกลุ่มอัล-ชาบาบก็ว่าได้ เพื่อล้างแค้น และเซาะบ่อนทำลายด้านความมั่นคงของเคนยาไปในตัวเสร็จสรรพ โทษฐานที่รัฐบาลไนโรบี เข้าร่วมใน “ภารกิจสหภาพแอฟริกาในโซมาเลีย” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “อามิซอม” (AMISOM : African Union Mission in Somalia) อันเป็นภารกิจทางการทหารเพื่อกวาดล้างกลุ่มอัล-ชาบาล ตามแผนการสร้างสันติภาพให้บังเกิดขึ้นในโซมาเลีย ซึ่งทางเคนยาถือเป็นกองกำลังหลักในภารกิจดังกล่าว ทหารเคนยาที่เข้าร่วม “ภารกิจสหภาพแอฟริกาในโซมาเลีย” หรือ “อามิซอม” “ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน” พร้อมด้วยเหล่านักวิเคราะห์คนอื่นๆ ยังมีทรรศนะเชิงสะกิดเตือนด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ก็สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มอัล-ชาบัล มีศักยภาพด้านการก่อการร้ายเพียงไร และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นเด่นชัดด้วยว่า การ “ข่าวกรอง” ของเคนยายังบกพร่องหละหลวมกันอยู่มาก ต้องปรับปรุงกันครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมรับภัยก่อการร้ายจากอัล-ชาบาบ ที่จ้องก่อเหตุซ้ำ ซึ่งคาดว่ายังตะลุมบอนกันอีกหลายยก จนน่าวิตก โดยเฉพาะพื้นที่ “เป้าหมายอ่อน”อย่างห้างสรรพสินค้า และโรงแรมหรู ที่กำลังเผชิญอยู่