"นายกฯอิ๊งค์" แถลงส่ง "ขุนคลัง" บินถกลดผลกระทบ "สหรัฐฯ" รีดภาษี สัปดาห์หน้า "เฉลิมชัย" มั่นใจหลัง "นายกฯ" สั่งตั้งคณะเจรจาโต้สหรัฐฯ สถานการณ์คลี่คลาย แนะ "รัฐบาล-ประชาชน" เตรียมรับมือ รมช.พาณิชย์ยันเตรียมมาตรการรับมือสหรัฐขึ้นภาษีไว้แล้ว เผยเน้นใช้วิธีต่อรอง ขณะที่รายละเอียดขอรอวอร์รูมที่นายกฯตั้ง เล็งหาตลาดใหม่เพิ่มเติม เชื่อไทยมีผลไม้เป็นจุดแข็ง ชี้ต้องใช้ตลาดนำการผลิต
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงท่าทีของประเทศไทยต่อนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับมาตรการในการขึ้นภาษีสินค้าของไทยที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ ในอัตรา 36% เช่นเดียวกับหลายประเทศ ซึ่งต่างเตรียมหามาตรการรับมือ และเชื่อว่าทั่วโลกกำลังจะเห็นการตอบโต้กันอย่างหนักหน่วงผ่านเครื่องมือทางภาษี หลายประเทศตัดสินใจไปเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครได้ข้อสรุปของการเจรจาแต่อย่างใด ในส่วนของประเทศไทยมาตรการนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกสินค้าของเราโดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร
รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 และหารือกับภาคเอกชน รวมทั้งตัวแทนของสหรัฐฯ ถึงข้อเสนออย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการมาโดยตลอด และในสัปดาห์หน้า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเดินทางไปหารือกับหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ที่มีส่วนได้เสียจากการเปลี่ยนแปลงการค้าที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะสื่อสารกับรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เข้าใจว่าประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้น แต่เป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ เชื่อถือได้ในระยะยาว
โดยในวันที่ 8 เม.ย.นี้ หลังจากประชุมสรุปกับคณะกรรมการและทุกหน่วยงานอีกครั้งหนึ่งจะสรุปแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญ ซึ่งรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง แข็งแรง และเท่าทันโลก และเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรีเพื่อประเทศไทยของเรา
"ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราได้เผชิญกับเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่คาดคิด ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตทรัพย์สินและสภาพจิตใจของคนไทย รัฐบาลได้ตระหนักถึงเหตุการณ์ดังกล่าวและได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในทุกมิติ เพื่อให้การช่วยเหลือและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เราเคยผ่านวิกฤตของประเทศมาแล้วหลายครั้งและด้วยความสามัคคีความช่วยเหลือเกื้อกูลและความเอื้ออารีต่อกันของคนในชาติ ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถก้าวผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้" น.ส.แพทองธาร ระบุ
ขณะนี้รัฐบาลได้สรุปข้อเสนอเชิงนโยบายต่าง ๆ เช่น การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในด้านพลังงาน อากาศยาน และ สินค้าเกษตร โดยประเทศไทยมีแผนจะสร้างความร่วมมือกับภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มอื่น ๆ ที่มีส่วนได้เสียสำคัญในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งมีรายละเอียดในนโยบายอีกมาก โดยขอให้มั่นใจว่าข้อเสนอเหล่านี้ล้วนแต่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศไทยเหนือสิ่งอื่นใด นอกจากนี้ประเทศไทยจะมีการเจรจาเรื่องการส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ และลดเงื่อนไขการนำเข้าที่เป็นอุปสรรค รวมไปถึงการปราบปรามการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังสหรัฐฯ
รัฐบาลมั่นใจว่าข้อเสนอข้างต้นนี้จะทำให้การเจรจากับสหรัฐฯ บรรลุผลเพื่อให้ประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นมิตรต่อกัน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีอีกหลายมาตรการที่พร้อมจะรับฟังและพูดคุยเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ และขอให้ความมั่นใจว่าข้อเสนอที่รัฐบาลเตรียมไว้ล้วนคำนึงถึงประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญและเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจของเราและคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยทุกคน
"ดิฉันขอให้คำมั่นว่า ทุกท่านไม่ได้โดดเดี่ยว ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนในระยะสั้น และระยะยาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้ง SME และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ โดยการเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ อีกทั้งยังจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทย ที่เรามุ่งมั่นที่จะเจรจาการค้าในการเปิดตลาดใหม่ ๆ ในตะวันออกกลาง ยุโรป และ อินเดีย โดยจะเร่งเจรจาการค้า FTA ให้เร็วยิ่งขึ้น" น.ส.แพทองธาร ระบุ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศแนวทางเจรจาการค้า ภายหลังประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเตรียมขึ้นกำแพงภาษี ว่า เท่าที่ทราบนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ดูแล ซึ่งได้มีการนัดหมาย ตั้งคณะเจรจา เพื่อขอเจรจา คิดว่าในเร็ววันนี้จะมีโอกาสเจรจาและพูดคุยกัน และสถานการณ์ก็จะคลี่คลายลง
"วันนี้รัฐบาลก็ต้องเตรียมตัว ประชาชนคนไทยก็ต้องเตรียมตัวเช่นเดียวกัน ในการต่อสู้เรื่องค่าใช้จ่ายและภาษี เพราะนี่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น" นายเฉลิมชัย กล่าว
ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงการที่ สหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36% ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยตรง มีทั้งกระทรวงพาณิชย์กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดว่า เราใช้วิธีการต่อรอง แต่เราจะเอาอะไรบ้างไปต่อรอง ซึ่งขอยังไม่ลงรายละเอียดเนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้
นายนภินทร ยืนยันว่า เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว เพียงแต่ว่าเราขอดูว่าภาษีที่ขึ้นมีอะไรบ้าง และเหตุผลที่เขาขึ้นภาษีเรา 36%มาจากอะไร ซึ่งอาจจะมาจากโควตานำเข้า ส่วนเกินโควตาประเทศไทย72% สิ่งเหล่านี้เราต้องมาดูว่าตัวเลข 72% เอามาจากอะไรและเอาไปต่อรองสินค้าบางอย่าง หรือสินค้าบางอย่างที่เราคุมโควตานำเข้าเราก็อาจจะเพิ่มโควตาต่างๆ แต่เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์รวมอยู่ในคณะกรรมการ
เมื่อถามถึงการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม นายนภินทร กล่าวว่า เรื่องตลาดใหม่ในส่วนของผลไม้ ได้เตรียมไว้หมดแล้วซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งเรื่องผลเม้เพราะเราเป็นประเทศเมืองร้อนที่ผลิตผลไม้ที่ดีที่สุดของโลก โดยเตรียมทั้งตลาดจีนที่เราบุกเพิ่มขึ้น ตลาดอินเดีย ตลาดตุรกีเชื่อได้ว่าในส่วนของสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ประเทศไทยพร้อมที่จะผลิตเพิ่มเติมได้ ดังนั้นพืชเกษตรที่รัฐต้องลงไปอุดหนุน ช่วยเหลือสามารถนำไปปรับเปลี่ยน เป็นพืชที่ทำกำไรได้โดยที่รัฐไม่ต้องเข้าไปอุดหนุน แต่ต้องให้เวลาโดยการตลาดต้องนำการผลิต อะไรที่ต้องอุดหนุนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเข้าไปดูว่าพื้นที่ตรงนั้นสามารถปลูกอะไรได้บ้าง เลือกมา4-5อย่างและ ถ้าหากขายไม่ได้กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปหนุนให้