"เฉลิมชัย" ลั่นเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน "ปชป." ไม่ซื้อเสียงเด็ดขาด แย้มส่ง "ดร.เอ้" ชิงเก้าอี้ "ผู้ว่าฯกทม." ด้าน "อนุสรณ์" มั่นใจ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ใหม่ ลดปัญหาเงินไหลออก ขณะที่ "สรวงศ์" มั่นใจ "พรรคร่วมฯ" ยกมือโหวต "ร่าง พรบ. เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์" ย้ำ "ภท.-พท." ประคองกันจนครบวาระ
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ตนได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารทางภาคใต้ และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ผู้สมัครร สส.นครศรีธรรมราช แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้ประกาศบนเวทีไปเลยว่า เราจะไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยเด็ดขาด เราจะใช้วิธีการหาเสียงในรูปแบบของประชาธิปัตย์ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและเป็นตัวตั้ง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ให้ประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นคนชี้ ย้ำว่า พรรคเราจะดำเนินตามแนวทางอย่างสุจริต
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประชาธิปไตยจบแล้วก็จบ จบแล้วก็ทำงานด้วยกันได้
เมื่อถามถึงแผนเข้าสู่การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังคุยและปรึกษากัน โดยมีนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์เกิดจากกรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะส่ง ก็มีสูงมาก
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การบริหารสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ขณะนี้ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใส และรอบคอบ ไม่ได้มีการเร่งรัด หรือผลักดันโดยข้ามขั้นตอนตามที่บางฝ่ายพยายามสร้างความเข้าใจผิด ทั้งนี้ การตรากฎหมายจำเป็นต้องผ่าน 3 วาระ ตั้งกมธ. และผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งยังมีเสียงคัดค้านในบางส่วน จึงเชื่อว่าหนทางยังอีกยาวไกล โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6-8 เดือนไม่ใช่พิจารณาวันที่ 9 เม.ย.แล้วจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เม.ย.ทันทีอย่างแน่นอน
"ยืนยันว่ารัฐบาลยึดหลักการมีส่วนร่วม เปิดกว้างรับฟังทุกความเห็น และพร้อมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อน ร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาตั้งแต่ต้น การดำเนินการทุกขั้นตอนจึงต้องอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อเอื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นอกจากนี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เพียงการจัดตั้งกาสิโนอย่างที่บางกลุ่มพยายามลดทอนให้เข้าใจผิด แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจใหม่ ที่สามารถจูงใจการลงทุน กระตุ้นการจ้างงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้จากกิจกรรมหลากหลาย เช่น โรงแรม สเตเดียมคอนเสิร์ต สนามกีฬา สวนน้ำ สวนสนุก ร้านอาหาร เกมเซนเตอร์ และอื่น ๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ขณะที่กาสิโนมีเพียง 10% เท่านั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเห็นคือ การสร้างเศรษฐกิจใหม่ ไม่ใช่แค่ ตั้งกาสิโน อย่างที่บางพรรคพยายามชี้นำ"นายอนุสรณ์ กล่าว
ส่วนนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า จะพิจารณาในวันที่ 9 เม.ย. ท่ามกลางที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วงรับมือหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือไม่ว่า ขอให้ทุกคนนั้นเลิกใช้คำว่ากาสิโน ร่างกฎหมายนี้คือ เอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เลิกทำให้ประชาชนรู้สึกเป็นลบกับคำว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ สักที เรื่องนี้ต้องอาศัยสื่อมวลชนให้ความรู้กับประชาชนด้วย ว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปทางไหน
เรื่องดังกล่าวนี้ ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ กำลังศึกษา การที่จะศึกษาได้นั้นกฎหมายต้องเอื้อด้วย จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เรื่องอะไรก็ตามต้องใช้เวลา ตนเชื่อว่าทุกภาคส่วนมีความหวังดีกับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนที่สนับสนุนหรือคนที่ต่อต้าน เรื่องนี้ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจงบ้าง
ส่วนเสียงของพรรคร่วมนั้น เราได้มีการทำความเข้าใจกันแล้วว่าร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เป็นเพียงการศึกษาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายหรืออะไรก็ตามที่มารองรับ เรามีการพูดคุยกันบนพื้นฐานของเหตุผล
ส่วนทุกพรรคจะมีการโหวตสนับสนุนร่างดังกล่าวหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า เมื่อมีการร่วมรัฐบาลแล้วก็ต้องไปด้วยกัน ความคิดเห็นต้องไปด้วยกัน แม้ว่าทุกพรรคมีจุดยืน แต่เมื่อมาร่วมรัฐบาลกันแล้ว และตัดสินใจทำนโยบายร่วมกันแล้วก็ต้องไปด้วยกัน ทุกพรรคการเมืองต้องไปด้วยกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีเสียงขาดไปจะทำอย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคคุยกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะจับมือกันจนครบวาระใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ได้ทำมือรูปหัวใจคู่กับนายอนุทิน พร้อมกล่าวว่าตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ รัฐบาลก็จะประคองและทำงานกันไปจนครบวาระ
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขณะที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนจากสงครามการค้าระลอกใหม่ โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้า รวมถึงประเทศไทยที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 37 % ซึ่งจะมีผลในวันที่ 9 เม.ย.นี้ หากประเทศไทยยังไม่มีมาตรการเชิงรุกหรือแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนการที่ฝ่ายค้านมองว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะพิจารณาต่อจาก พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาบีบพรรคประชาชนนั้น ไม่เป็นความจริงและพรรคเพื่อไทยไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ร่างกฎหมายทุกฉบับที่ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์มีความสำคัญ รัฐบาลต้องการผลักดันให้สำเร็จโดยชอบในทุกกฎหมาย
เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งยังช่วยลดปัญหาเงินไหลออกนอกประเทศ นี่ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของเศรษฐกิจที่เราต้องกล้าคิด กล้าทำ และทำให้ถูกต้อง เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด นายอนุสรณ์กล่าว