เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 6 เมษายน 2568 ร.ต.ท.รัฐภูมิ ชามาเม็ก รอง สว. (สอบสวน) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณลานจอดรถตะวันนา 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4, พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์เวรนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อคือ นายจตุรวิทย์ หรือ “ท็อป” อายุ 36 ปี เจ้าของร้านเหล้าชื่อชื่อดังย่านร่มเกล้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ใต้ราวนมซ้ายและชายโครงขวา รวม 2 นัด อาการสาหัส ถูกนำส่ง รพ.เวชธานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สน.ลาดพร้าว นำโดย ร.ต.ท.วีรพัชร์ เมธาธนินเกียรติ ขณะออกตรวจพื้นที่ ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้นและได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้อาวุธปืน โดยผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในรถยนต์โตโยต้า รุ่นครอส สีขาว ทะเบียนกทม. ซึ่งจอดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร
เจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมและตรวจค้นรถ พบ นายกิตติภูมิ คำศรี อายุ 27 ปี อาชีพช่วยแม่ขายขนมจีนที่บ้านพักในซอยรามคำแหง 190 มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ นั่งอยู่บริเวณเบาะหลังฝั่งขวา ใกล้ตัวพบอาวุธปืนลูกโม่ไทยประดิษฐ์ขนาด .38 สีเงิน 1 กระบอก พร้อมปลอกกระสุน 5 ปลอก และกระสุนปืนอีก 1 นัด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายกิตติภูมิ ยอมรับว่าเป็นผู้ยิงนายจตุรวิทย์ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปเที่ยวงาน “โคตรเปียก” กับเพื่อนหญิงชายหลายคน ระหว่างจะกลับบ้าน หญิงสาวที่มากับตนได้ทะเลาะกับหญิงสาวฝั่งนายจตุรวิทย์ เรื่องเดินชนกัน โดยทั้งสองฝ่ายมีอาการมึนเมา แม้จะมีการขอโทษกัน แต่ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย จนเกิดชุลมุน ตนได้ชกต่อยกับผู้ตายและถูกของแข็งตีที่ศีรษะ จึงวิ่งไปที่รถเพื่อหยิบปืนมายิงขึ้นฟ้าขู่ ก่อนจะวิ่งไล่ยิงผู้ตายจนเสียชีวิต และกลับมาซ่อนตัวในรถ
นายกิตติภูมิยังให้การว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของตนเอง ซื้อมาจากกลุ่มไลน์ซื้อขายปืนในราคา 20,000 บาท
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังนี้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร, ฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป