มุกดาหาร แถลงข่าวมหกรรมอาหาร เทศกาลอาหารลุ่มน้ำโขง

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568  เวลา 17.40  น.  นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร  เป็นประธานเปิดการแถลงข่าว  มหกรรมเทศกาลอาหารลุ่มน้ำโขง  (Mekhong Food Festival)  โดยมี นางสาววรรณา   บุดดีสิงห์  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร   นางสาวเสาวนีย์   คนกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครพนม  นายณรงค์  จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร  นางเกษรินทร์  พันธุ์สุข เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร   พร้อมหน่วยงานราชการ  พ่อค้า  แม่  ประชาชน  นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชน  ร่วมพิธีแถลงข่าว  "มหกรรมเทศกาลอาหารลุ่มน้ำโขง" (Mekhong Food Festival)  ณ บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร (หลังเก่า) อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

ในการจัดงานครั้งนี้จังหวัดมุกดาหารได้ขานรับนโยบาย Soft Power ผลักดันอาหาร ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น เชิญเที่ยวงาน "มหกรรมเทศกาลอาหารลุ่มน้ำโขง" (Mekhong Food Festival) และงานมหาสงกรานต์ 2568 วันที่ 13 - 15 เมษายน 2568 ณ บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร (หลังเก่า) อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร สอดรับกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดไว้ว่า "เมืองการค้าทันสมัย  เกษตรคุณภาพสูง  ท่องเที่ยวชายโขง   เชื่อมโยงสู่สากล"  เป็นโครงการพัฒนาการตลาด กิจกรรมและประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการจังหวัดมุกดาหารสู่ความยั่งยืนเพื่อผลักดันให้จังหวัดมุกดาหารเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้นตลอดจนเป็นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชนให้มีความอยู่ดีกินดี 

นายรณรงค์  เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร  กล่าวว่า  การจัดงาน "มหกรรมเทศกาลอาหารลุ่มน้ำโขง" (Mekhong Food Festival) 2568 ในครั้งนี้ ในดำเนินการพร้อมกับ งานมหาสงกรานต์ 2568 วันที่ 13 - 15 เมษายน 2568 เพื่อการบูรณาการร่วมกันในระดับจังหวัด ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร ให้รู้จักกันในนามจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม รวมถึง Soft Power ด้านอาหารที่ถิ่น เชิดชูอัตลักษณ์วิถีถิ่น เช่น หมูหัน สำรับอาหารปลาแม่น้ำโขง แกงกะบั้ง และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมขานรับจังหวัดมุกดาหารมีศักยภาพที่สามารถจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่สำคัญได้ และเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนและจังหวัดมุกดาหารต่อไป