วันที่ 4 เม.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมบิมสเทค ที่มีการเชิญ พลเอกอาวุโส มิน ออง ไลง์ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เข้าร่วมประชุม จะส่งผลอะไรกับไทยหรือไม่ หลังมีนักวิชาการเตือนให้เว้นระยะห่าง เพราะประเทศไทยอาจถูกมองไม่ดี ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศที่ประสานผ่านการประชุมบิมสเทค ซึ่งกระทรวงต่างประเทศควรชี้แจง เพราะเป็นความร่วมมือและคุยกันในบิมสเทค ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งส่วนนี้ประเด็นสำคัญคงไม่ได้อยู่ที่ว่ามีการประท้วงหรือไม่ประท้วงอะไร ตนคิดว่าเขามีสิทธิในการสังเกตการประชุมนี้ ก็คงได้คุยประเด็นปัญหาในเมียนมาด้วย
ซึ่งก็จะมีโอกาสได้คุยกัน ไม่เช่นนั้นการแก้ไขปัญหาของเมียนมาที่พูดกับทุกส่วนว่าอยากให้มีการแก้ไข มันก็จะไม่ได้แก้ อีกทั้งไทยเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับเมียนมา และก็มีประเด็นหลายเรื่อง ต้องดูว่าเรามุ่งหวังอะไร ดังนั้นรายละเอียดให้รอดูผลการประชุมและว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ แล้วค่อยมาพิจารณากัน ตอนนี้ตนไม่อยากพูดอะไร รอให้การประชุมเสร็จแล้วดูผลอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าเราชั่งน้ำหนักแล้ว ว่ามีข้อดีมากกว่าจึงเชิญเขามาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างที่บอกไปว่ายังไม่อยากให้ความเห็นตอนนี้ เพราะมีหลายเรื่อง หลายปัจจัย ก็ต้องรอให้ผลออกมาชัดเจนก่อน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ระบุว่าไม่เคยมีใครเชิญผู้นำเผด็จการมาร่วมประชุมใหญ่แบบนี้ นายภูมิธรรม ย้อนถามกลับว่า “กัณวีร์ อีกแล้ว ไม่มีอะไรมั้งกัณวีร์“