เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีคำวินิจฉัยถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอก ยอล (Yoon Suk Yeol) ออกจากตำแหน่ง หลังจากรัฐสภาเสนอคำร้องให้ถอดถอนจากกรณีการประกาศใช้ กฎอัยการศึก เป็นเวลาสั้น ๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ
คำพิพากษาดังกล่าวมีขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา โดย ผู้พิพากษาทั้ง 8 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่า ยุนใช้อำนาจเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด และถือเป็นการละเมิดความไว้วางใจจากประชาชนอย่างร้ายแรง
“(ยุน) กระทำการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศ และการประกาศกฎอัยการศึกได้ก่อให้เกิดความโกลาหลในทุกภาคส่วน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และนโยบายต่างประเทศ”
— มูน ฮยองแบ, รักษาการประธานศาลฎีกาเกาหลีใต้
สถานการณ์การเมืองสั่นคลอน รัฐธรรมนูญสั่งเลือกตั้งภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ เมื่อประธานาธิบดีถูกถอดถอน จะต้องจัดการ เลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายใน 60 วัน ขณะนี้ นายกรัฐมนตรีฮัน ดั๊ก ซู (Han Duck Soo) จะทำหน้าที่ รักษาการประธานาธิบดี ไปจนกว่าผู้นำคนใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง
การตัดสินของศาลนำมาซึ่งเสียงโห่ร้องยินดีจากผู้ชุมนุมนับพันที่รวมตัวกันบริเวณศาล โดยมีบางส่วนตั้งแคมป์ค้างคืน เพื่อรอฟังคำตัดสิน หลายคนตะโกนว่า “เราชนะแล้ว!”
คำพิพากษาครั้งนี้ยังเป็นการปิดฉากวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพยายามของเกาหลีใต้ในการประสานความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
ยุนอาจถูกดำเนินคดีอาญา ปม “ก่อกบฏ”
ยุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่เคยถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา จากข้อหา “ก่อกบฏ” ที่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก โดยเขาถูกควบคุมตัวเพียงชั่วคราวก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเดือนมีนาคม หลังศาลเพิกถอนหมายจับ
จุดเริ่มต้นของวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ยุนประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยให้เหตุผลว่าต้องการ “จัดการกับกลุ่มต่อต้านรัฐ” และป้องกันไม่ให้พรรคฝ่ายค้าน “ทำลายประเทศ” อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวถูกยกเลิกภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง
แม้ยุนจะอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้กฎอัยการศึกอย่างเต็มรูปแบบ และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ความโกลาหลและความไม่ไว้วางใจในหมู่ประชาชนและนักการเมืองก็ได้เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่นั้น
ปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนว่า คำพิพากษานี้จะยุติความวุ่นวายทางการเมืองได้จริงหรือไม่ ขณะที่เกาหลีใต้ต้องเตรียมจัดการเลือกตั้งครั้งสำคัญในระยะเวลาอันใกล้