เจ้าหน้าที่พนักงานขนส่งปฏิบัติการ กรมเจ้าท่าลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณท่าน้ำวัดปรกเจริญ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังมีชาวบ้านโพสต์ผ่านโลกโซเชียล พร้อมกับปักธงสีแดงไว้หน้าบ้านกรณีเรือวิ่งนำนักท่องเที่ยวส่งเสียงดังใช้ความเร็วกระทบวิถีชีวิต เตรียมติดกล้องตรวจจับความเร็ว วันนี้(15 มค. 61) นายสุภรักษ์ พรมหงส์ เจ้าพนักงานขนส่งปฏิบัติงาน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครปฐม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณท่าน้ำวัดปรกเจริญ หมู่ 6 ต.ตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านผ่านโลกโซเชียล กรณีเรือนำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศเที่ยวชมธรรมชาติในลำคลองส่งเสียงดังและใช้ความเร็วมาก ส่งผลให้เกิดเสียงดังกระทบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนกำลังเรียนหนังสืออยู่ใกล้ลำคลองดังกล่าว ทำให้บ้านบางหลังที่ปลูกอยู่ริมตลิ่งทนไม่ไหว ถึงขนาดต้องนำธงสีแดงมาปักไว้ที่ริมตลิ่งข้างบ้านของตัวเอง เพื่อเป็นการเตือนผู้ที่ขับเรือไม่ควรใช้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นายสุภรักษ์ พรมหงส์ เปิดเผยขณะลงพื้นที่ตรวจสอบว่า มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาแล้ว ได้ดำเนินการปรับกรณีเรื่องเสื้อชูชีพ แต่ส่วนเรื่องการร้องเรียนลำคลองนั้น มีเจ้าหน้าที่ดูแลน้อยมากไม่เพียงพอที่จะมาดูแลเรื่องการปราบปราม ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียนผ่านโลกโซเชียลเข้าใจว่าเป็นเรื่องของคนขับเรือ อยู่ที่จิตสำนึก ทางเจ้าหน้าที่ได้พูดตักเตือนไปแล้ว อนาคตได้เตรียมโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดขึ้น ซึ่งถ้าหากพบผู้กระทำความผิดจากในกล้องที่บันทึกภาพของผู้ที่ขับเรือใช้ความเร็ว สามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย โดยต้องดูว่าผิดมาตราไหน ข้อหาอะไรบ้าง เช่น ในการปรับของมาตรา 175 ที่ใช้อยู่ ขณะนี้ คือ ไม่สวมเสื้อชูชีพ จะปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท โดยได้ดำเนินการปรับมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่จนถึงตอนนี้ประมาณ 20 รายแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นการขับเรือของแต่ละบุคคล ทางเจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว เป็นการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก คือ ต้องประชาสัมพันธ์พูดคุยกับผู้ประกอบการแต่ละรายก่อน ถ้าไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของเจ้าหน้าที่ จึงจะดำเนินการยึดใบขับขี่เรือเป็นมาตรการหนักที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับบรรยากาศบริเวณท่าน้ำวัดปรกเจริญ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นำครอบครัว บุตรหลานมาสักการะหลวงพ่อแดง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีอายุกว่า 800 ปี กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติแล้ว โดยบริเวณวัดได้ตั้งอยู่ติดลำคลองและอยู่ใกล้โรงเรียนแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือชมธรรมชาติสองฝั่งคลองพร้อมทั้งทำบุญ ไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยนักท่องเที่ยวบางคนก็ได้โบกมือทักทายกับเรือ ที่แล่นสวนทางกันในลำคลองพร้อมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขณะที่วันนี้ไม่พบการแล่นเรือที่ส่งเสียงดังหรือใช้ความเร็วเหมือนเช่นทุกวันอย่างที่เคยพบเห็น