เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย.68 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Kick off โครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ (Read for Release) พร้อมด้วย คุณสุนีย์ สอดส่อง ภริยา นำคู่สมรสคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมฯ

โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมทั้ง คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ ผู้บริหารสำนักพิมพ์มติชน ผู้บริหารบริษัทวิริยะธุรกิจ จำกัด ผู้บริหารสถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) บุคคลและหน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรมโครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

โดย นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มอบหมายให้ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้การต้อนรับ ณ ลานสานฝัน สถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 (Dazzle Zone) ถนนราชดำริ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

จากข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับระดับการศึกษาของผู้ต้องขัง พบว่า มีผู้ต้องขังที่ระดับการศึกษาไม่ถึงมาตรฐานตามกฎหมายกำหนดจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าระดับการศึกษาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำ และมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจของผู้ประกอบการที่จะรับเข้าทำงานหรือไม่ เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษแล้วไม่มีการประกอบอาชีพ โอกาสในการกระทำผิดซ้ำก็มีสูง หากมีอาชีพ มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหลังจากพ้นโทษ โอกาสในการกระทำผิดซ้ำจะน้อยลง

กรมราชทัณฑ์ จึงจัด “โครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ (Read for Release)”  ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้รับความรู้จากการอ่าน ทักษะการประกอบอาชีพ เสริมสร้างนิสัยรักการอ่าน การแสวงหาความรู้ และการพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ

ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นการเชื่อมโยงการอ่านหนังสือกับประโยชน์ด้านการเลื่อนชั้นของผู้ต้องขัง เพื่อให้ได้รับการลดวันต้องโทษ ตลอดจนการแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำให้ลดลงโดยการเสริมสร้างบุคคลคุณภาพให้คืนกลับสู่สังคมได้มากขึ้น และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ

กรมราชทัณฑ์ จึงได้กำหนดเรือนจำ/ทัณฑสถาน นำร่องการอ่านหนังสือประกอบการเลื่อนชั้น จำนวน 21 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางระยอง เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางกำแพงเพชร เรือนจำกลางเชียงราย เรือนจำกลางอุดรธานี เรือนจำกลางนครสวรรค์ ทัณฑสถานหญิงกลาง ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ทัณฑสถานหญิงชลบุรี ทัณฑสถานหญิงสงขลา ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เรือนจำจังหวัดสกลนคร และเรือนจำอำเภอสวรรคโลก ซึ่งได้เริ่มดำเนินการขับเคลื่อนการอ่านหนังสือเพื่อประกอบการเลื่อนชั้นในรอบเดือนเมษายน 2568 โดยมีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการ จำนวนประมาณ 1,300  คน

โดยภายในงานได้รับเกียรติจากผู้แทนคณะกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี คุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก คุณพีรพล สุนทรินคะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เวลตี้ฟู้ด แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด คุณสุคนธา สินธพ ผู้บริหารงานวรรณกรรมเด็ก ประภาคารเอ็ดดูเคชั่น ในเครือ บริษัท สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช คุณสุชาดา สหัสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาส เอ็ดดูเคชั่น จำกัด สำนักพิมพ์มติชน และบริษัท วิริยะประกันภัย มอบหนังสือบริจาค เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว

 

ขณะที่ พันตำรวจเอก ทวีสอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญกับการควบคุมและพัฒนาแก้ไขผู้ต้องขังอย่างเป็นระบบ “โอกาส” คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองและกลับคืนสู่สังคม ได้อย่างมีคุณค่า หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คือ “การศึกษา” ไม่เพียงช่วยเพิ่มพูนความรู้ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้พัฒนาความคิด ทัศนคติ และทักษะชีวิตที่จำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ หากจะวัดความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ให้วัดที่คุณภาพของคน ไม่ใช่วัดที่ความใหญ่ของประเทศ คุณภาพของคนเป็นเรื่องความมั่นคงที่แท้จริง เราดูคุณภาพของคนจากการศึกษา เพราะการศึกษา คือ การเปลี่ยนแปลงมนุษย์ และเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น การศึกษาของผู้ต้องขังเองก็เช่นกัน

กรมราชทัณฑ์ได้นำแนวทางจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ ผ่านโครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ (Read for Release) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมในการพัฒนาพฤตินิสัยที่เชื่อมโยงกับการบริหารโทษอย่างมีระบบ โดยเริ่มจากการใช้การอ่านหนังสือเป็นเครื่องมือประกอบการพิจารณาเลื่อนชั้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีนิสัยรักการอ่าน แสวงหาความรู้ เห็นคุณค่าในตนเอง และพร้อมกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ซึ่งในลำดับถัดไปจะดำเนินการอ่านหนังสือเพื่อลดวันต้องโทษจำคุก อันจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ต้องขังมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง เพื่อกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ

"กระผมขอขอบคุณกรมราชทัณฑ์ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ เครือข่าย พันธมิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันกำหนดแนวทางให้โครงการสามารถบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ และขอแสดงความขอบคุณ จากใจจริงไปยังองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ และสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนประชาชน ผู้ใจบุญทุกท่าน ที่ได้ร่วมสนับสนุนหนังสือในโครงการ หนังสือทุกเล่มที่ท่านมอบให้เป็นของขวัญแห่งปัญญาที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนหนึ่งคน เพื่อให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ เปิดโลกทัศน์ และพัฒนาตนเอง และที่สำคัญกระผมขอชื่นชมและให้กำลังใจพี่น้องผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกท่าน ที่เข้าร่วมโครงการนี้ พวกท่านได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง และขอให้
เชื่อมั่นว่า หากท่านตั้งใจจริง และใช้เวลาในเรือนจำอย่างมีคุณค่า อนาคตที่ดีจะรออยู่เบื้องหน้าเสมอ" 

ในโอกาสนี้ กระผมขอเปิดกิจกรรม Kick off โครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ (Read for Release) อย่างเป็นทางการ ขอให้โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของระบบยุติธรรมไทยที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสเพื่อคืนคนดี สู่สังคม 

จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบของที่ระลึกให้กับผู้สนับสนุนโครงการฯ และเยี่ยมชมบูธนิทรรศการต่าง ๆ ได้แก่ นิทรรศการกิจกรรมอ่านหนังสือของผู้ต้องขัง นิทรรศการตัวอย่างหนังสือ ภาคบังคับและเสรี นิทรรศการการจัดชั้นผู้ต้องขัง การเลื่อนชั้น และการลดวันต้องโทษ นิทรรศการเรือนจำ/  ทัณฑสถานนำร่อง 21 แห่ง ซึ่งจัดแสดงโดยทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำกลางนครปฐม และนิทรรศการหนังสือจากเครือข่ายและพันธมิตร

ภายหลังการเยี่ยมชมบูธนิทรรศการ ได้จัดการเสวนาพิเศษหัวข้อ “ความสำคัญของการอ่านหนังสือเพื่อประกอบการเลื่อนชั้น และลดวันต้องโทษจำคุก” โดยมีรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ดร.สิริกร มณีรินทร์ คุณอัครินทร์ ปูรี (หรั่ง พระนคร) คุณอริย์ธัช วรโรชน์เจริญเดช (เบนซ์ เรสซิ่ง) เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้ด้วย โดยมีคุณตา สุรางคณา สุนทรพนาเวศ เป็นผู้ดำเนินรายการ