Pi Daily ชี้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจมี Downside ขณะไทยเสี่ยงติดลิสต์ขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
วันที่ 2 เมษายน 2568 บล.พาย เผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 11 จุด (-0.03%) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ของ Trump ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.37% ถูกกดดันจากมาตรการภาษีของ Trump
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประกอบไปด้วยตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job opening) ที่ 7.57 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 7.69 ล้านตำแหน่งและดัชนี ISM PMI ภาคผลิตที่ระดับ 49 ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 49.5 สะท้อนถึงความอ่อนแรงของเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยรวมทำให้ US Bond Yield ปรับลงต่อเนื่อง (ระยะสั้นปรับขึ้นเล็กน้อย) สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯจากนักลงทุน
คืนนี้สิ่งที่นักลงทุนจะให้น้ำหนักได้แก่ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯคาดการณ์กันว่าจะมี 15 ประเทศที่ถูกสหรัฐฯเรียกภาษีนำเข้าเพิ่มเติมประกอบไปด้วย จีน EU อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และอื่นๆ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้นสาเหตุหลักก็เกิดจากว่าไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ข้อมูลในปี 23 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯราว 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าหลักๆที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ (เรียงจากมูลค่ามากไปน้อย) ซึ่งอาจกระทบกับหุ้น DELTA HANA KCE STA AH SAT TU ITC
อย่างไรก็ตามหากคืนนี้การประกาศภาษีของ Trump ไม่มีความรุนแรงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้อาจเห็นตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ซึ่งก็อาจเป็นไปได้เพราะหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วหลังจาก Trump รับตำแหน่งตลาดหุ้นก็ค่อยๆปรับลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ Trump กลับมาพิจารณาว่าควรจะดำเนินนโยบายภาษีที่เข้มงวดหรือไม่ ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 1 ม.ค. – 31 มี.ค. สะสมรวมที่ 9.54 ล้านราย (+1.9%YoY) นับเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำ หากเป็นรายสัปดาห์พบว่า (-0.77%WoW) ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน (-3.8%WoW) แต่มีสัญญาณที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยว UK ขยายตัว 18%WoW แต่ทั้งนี้เป้าหมายที่คาดการณ์กันไว้ที่ 39 ล้าน ซึ่งคิดเป็นการขยายตัวราว 10%YoY จะไปได้ถึงเป้าหรือไม่เพราะ YTD ขยายตัวได้เพียง 1.9%YoY จึงเสี่ยงจะถูกปรับประมาณการลงและอาจตามมาด้วยปรับลดลงของ GDP
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1160 – 1180 เชิงกลยุทธ์ แม้หุ้นไทยจะไม่แพงแต่ความเสี่ยงยังปกคลุมทั้งการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจจากท่องเที่ยว ส่งออก และภายในประเทศจากแผ่นดินไหว จึงเน้นหาหุ้นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) โรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 172.00 บาท)
แม้มองว่าการเติบโตของกำไรมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 2025 เราชอบ BBL (1) งบดุลแข็งแกร่ง (2) Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ 0.5x PBV'25E และ PE’25 ที่ 6.4 เท่า และ (3) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5-5.2% นอกจากนี้ เรามองว่าการประมาณการของเรามี Upside เพิ่มขึ้นได้ เพราะ (1) Credit cost ของเราเข้มงวดกว่าเป้าหมายของธนาคาร หากธนาคารสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อตามเป้าหมาย NPL ratio ไม่เกิน 3%
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
ประกาศกำไรสุทธิ 4Q24 สูงที่ 4.3 พันล้านบาท (+9% YoY, +2% QoQ) หนุนกำไรสุทธิปี 2024 เติบโตอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) เป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่เราและตลาดคาด สำหรับในปี 2025 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องหนุนจาก 1) แผนขยายจำนวนโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วย และ 2) การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
#บลพาย #ข่าววันนี้ #ขึ้นภาษี #SET #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #หุ้น