อธิบดี DSI เรียกประชุมหัวหน้าหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งสืบสวนกรณีตึก สตง.ถล่ม หากพบความผิดรับเป็นคดีพิเศษทันที 

วันที่ 1 เม.ย.68 ที่ห้องประชุมสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 8 อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (อาคารบี) ถนนแจ้งวัฒนะฯ  พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์ กรณีอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มพังเสียหายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อมร หงษ์สีทอง ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว เข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมมีการรายงานข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวในมิติที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นมีประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8) กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดฯ ไว้ โดยเป็นอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่จะมีคำสั่งให้รับเป็นคดีพิเศษได้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีข้อสั่งการให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคเร่งทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว หากพบความผิดที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ให้รีบเสนอมาเพื่อพิจารณาสั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนและทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทราบผ่านทางสายด่วน โทร 1202 ฟรีทั่วประเทศ หรือ DSI ไลน์โอเพ่นแชท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ “กรณีดังกล่าว แม้จะเป็นภัยธรรมชาติ แต่เกิดเหตุการณ์อาคารของ สตง. ถล่มเพียงแห่งเดียวและเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลรวมถึงกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บรวมทั้งมีผู้สูญหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ปรากฏมีข้อสงสัย และการตั้งคำถามของประชาชนมากมายเกี่ยวกับมาตรฐานวัสดุ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับกิจการร่วมค้าฯ ที่เป็นผู้ก่อสร้าง ซึ่ง DSI จำต้องทำความจริงให้ปรากฏ”