ภาพรวมมีความพึงพอใจ ร้อยละ 75.03 แต่ยังต้องปรับปรุงการพัฒนาครูคุณภาพ การจัดการศึกษาให้ทั่วถึง และการสอบ O-NET ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ.ได้ให้ "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (มสด.) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่มีต่อนโยบายของ ศธ. ระหว่างวันที่ 15-30 พ.ย.2559 โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 2,960 คน แบ่งเป็น ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 34.83 ครู ร้อยละ 25.14 ประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน ร้อยละ 20.77 และบุคลากรทางการศึกษา ร้อยละ 19.26 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และกรุงเทพฯ ซึ่งจากการสำรวจ 10 ลำดับ ความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายของ ศธ. ได้แก่ 1.นโยบายผลิตคนให้ทันกับความต้องการของประเทศ จบแล้วต้องมีงานทำ เข้าทำงาน AEC ให้ทันปีนี้ ช่วยแก้ไขปัญหาว่างงานและปัญหาสังคมได้ 2.ปรับลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของ ศธ.ลง 3.ปรับหลักสูตรครู นักเรียน และผู้ปกครองมีความสุข 4.เร่งปรับหลักสูตร/ตำราแต่ละกลุ่มให้เหมาะสม การพิมพ์ตำราต้องคุ้มค่า 5.ประชาชน สังคมพึงพอใจ ประเทศได้คนมีคุณภาพ 6.ทำให้เร็ว มีผลสัมฤทธิ์ภายในเดือนก.ย. 2559 ให้มากที่สุด ที่เหลือส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป 7.ใช้สื่อการสอน กระตุ้นผู้เรียนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้กับเด็ก 8.เรียนไม่ใช่เพื่อสอบ แต่เรียนให้ได้ทักษะชีวิตอยู่ในยุคโลกไร้พรมแดน 9.นำระบบไอซีที เข้ามาใช้จัดการเรียนรู้ อย่างเป็นรูปธรรมและกว้างขวาง และ10.ลดความเหลื่อมล้ำ จัดการศึกษาให้ทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ ปลัด.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ภาพรวม พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจ ร้อยละ 75.03 โดยพึงพอใจนโยบายผลิตคนให้ทันกับความต้องการของประเทศฯ มากที่สุด ร้อยละ 76.78 รองลงมา คือ ปรับลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของ ศธ.ร้อยละ 76.17 และปรับหลักสูตร ทำให้เด็ก ครู ผู้ปกครองมีความสุข ร้อยละ 76.00 ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามสถานภาพ พบว่า ครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน มีความพึงพอใจนโยบายผลิตคนให้ทันกับความต้องการของประเทศฯ มากที่สุด ร้อยละ 77.65,75.75 และ76.78 ตามลำดับ ส่วนประชาชนทั่วไป พึงพอใจนโยบายปรับ ลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของ ศธ.มากที่สุด ร้อยละ 77.17 สำหรับ 5 ผลงานของ ศธ.ที่ประชาชนชื่นชอบ พบว่า ชื่นชอบผลงานลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้มากที่สุด ร้อยละ 81.79 รองลงมา คือ โครงการเรียนฟรี ร้อยละ 77.57 มอบทุนการศึกษา ร้อยละ 75.30 การปรับหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ร้อยละ 67.09 และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ร้อยละ 63.68 ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามสถานภาพ พบว่า ครู บุคลากรทางการศึกษา ประชาชนทั่วไป และประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน ชื่นชอบผลงานลดเวลาเรียนฯ มากที่สุด ร้อยละ 81.32,79.30,81.47 และ85.20 ตามลำดับ ขณะที่ 5 ผลงานของ ศธ.ที่ประชาชนเห็นว่าควรปรับปรุง พบว่า อันดับแรก ควรปรับปรุงเรื่องการพัฒนาครู ผลิตครูที่มีคุณภาพมากที่สุด ร้อยละ 73.04 รองลงมา คือ การจัดการศึกษาให้ทั่วถึง ร้อยละ 69.00 และการสอบ O-Net, A-Net ร้อยละ 63.00 ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามสถานภาพ พบว่า ครู เห็นว่าควรปรับปรุงเรื่องการจัดการศึกษาให้ทั่วถึงมากที่สุด ร้อยละ 73.52 ขณะที่ กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาประชาชนทั่วไปและประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน เห็นว่า ควรปรับปรุงเรื่องการพัฒนาครู ผลิตครูที่มีคุณภาพ ร้อยละ 71.58,73.71 และ 73.98 ตามลำดับ ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วน 5 ผลงานของ ศธ.ที่ประชาชนเห็นว่าควรเร่งดำเนินการต่อไป พบว่า อันดับแรก ควรเร่งดำเนินการเรื่องการพัฒนาคุณภาพการศึกษามากที่สุด ร้อยละ 76.35 รองลงมา การผลิตครูที่มีคุณภาพ ร้อยละ 75.37 และการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส/ฐานะยากจน ร้อยละ 73.89 และเมื่อจำแนกตามสถานภาพ พบว่า ครูและประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน เห็นว่าควรเร่งดำเนินเรื่องพัฒนาคุณภาพการศึกษามากที่สุด ร้อยละ 78.23 และ 79.67 ขณะที่กลุ่มบุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไป เห็นว่า ควรเร่งเรื่องการผลิตครูที่มีคุณภาพมากที่สุด ร้อยละ 76.67 และ 76.24 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีสำรวจการให้คะแนนผลการดำเนินงานของ ศธ.คะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า ภาพรวมให้คะแนน อยู่ที่ 7.42 คะแนน โดยกลุ่มประชาชนทั่วไป และประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียน ให้คะแนนสูงสุดเท่ากัน คือ 7.47 คะแนน ส่วนครูให้คะแนน 7.40 คะแนน และบุคลากรทางการศึกษา ให้คะแนน 7.27 โดยเจตนารมณ์ของการทำโพลสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้ ก็เพราะอยากรู้ว่าครู บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงประชาชนคิดเห็นอย่างไรกับการทำงานของ ศธ.เรื่องใดต้องเร่งดำเนินการ เรื่องใดต้องปรับปรุง ซึ่งจากผลสำรวจที่ออกมาส่วนตัวรู้สึกพอใจ โดยภาพรวมกลุ่มตัวอย่างก็ให้คะแนนการทำงานของ ศธ.ถึง 7.42 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน