วันที่ 30 มี.ค. 2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อป.ป.ช. ทำการตรวจสอบเปรียบเทียบบัญชีทรัพย์สินของนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ   พรรคเพื่อไทย ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)  เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ยื่น ต่อ ป.ป.ช. เข้าข่ายมีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ ตามความในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 115 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ในหนังสือดังกล่าว ขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาตรวจสอบเป็นข้อ ๆ ดังนี้ ข้อ 1. จากการนำบัญชีทรัพย์สินของนายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. จำนวน 4 ครั้ง มาเปรียบเทียบกัน เฉพาะในส่วนของนายก่อแล้ว พิกุลทอง พบว่า

             กรณีวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายก่อแล้ว พิกุลทอง ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เป็นเงิน 74,052,959.41 บาท
             กรณีวันที่ 9 ธันวาคม 2556 นายก่อแล้ว พิกุลทอง ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เป็นเงิน 86,114,497.40 บาท
             กรณีวันที่ 8 ธันวาคม 2557 นายก่อแล้ว พิกุลทอง ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เป็นเงิน 100,399,398.45 บาท
             กรณีวันที่ 7 สิงหาคม 2567 นายก่อแล้ว พิกุลทอง ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เป็นเงิน 153,035,103.61 บาท
            
ข้อ 2. จากตารางเปรียบเทียบที่แนบมาด้วย จะเห็นได้ว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งพอสมควร  กรณี จึงมีเหตุควรสงสัยว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมานั้นเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 115 หรือไม่
            
ข้อ 3. ทั้งนี้ เพื่อให้ ป.ป.ช. มีข้อมูลนำไปประกอบการตรวจสอบ จึงได้ค้นข่าวจาก Google เพื่อให้ ป.ป.ช. รวมรวมข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาด้วย
            
ข้อ 4. ดังนั้น จึงขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบตามความในมาตรา 116 โดยนำตารางเปรียบเทียบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายก่อแก้ว พิกุลทอง (ตามที่แนบ)ไปพิจารณาเพื่อเทียบเคียง กับทรัพย์สินที่มีอยู่ในขณะดำเนินการไต่สวน  ประกอบกับรายได้และรายจ่าย  และการเสียภาษีเงินได้ของนายก่อแก้ว ที่ยื่นต่อ กกต. และที่ยื่นต่อกรมสรรพากรทุกปี มาประกอบการตรวจสอบด้วย