วันที่ 28 มี.ค.2568 เวลา 16.40 น. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอาคารถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหว แขวงจตุจักร กรุงเทพฯ โดยระบุว่า ทันทีที่ทราบข่าวก็เร่งเดินทางมา แต่มีรถติดบนทางด่วนจึงอาจทำให้มาถึงล่าช้า โดยสถานการณ์ที่จุดเกิดเหตุพบว่าตัวเลขของผู้ที่อาจจะติดอยู่ด้านในยังคงไม่นิ่ง คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 80 - 90 คน ซึ่งอาจต้องรอรายงานจากเจ้าหน้าที่โดยตรง จะได้สื่อสารไปในทางเดียวกัน
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการสร้างช่องทางสื่อสารที่ชัดเจนจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เฉพาะจุดที่มีเหตุตึกถล่มของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะยังมีหลายจุดที่พบว่ามีอาคารร้าว ประชาชนก็อยากทราบข้อมูลข่าวสารที่ตรงกันจากรัฐบาล ว่าจะต้องติดต่อทางใด รวมถึงคนมีหน่วยงานที่ออกมาแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์ สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ด้านในประมาณ 100 รายคาดว่าตอนนี้เพียงพอ แต่ยังขาดอุปกรณ์ ซี่งตนได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในเบื้องต้น
"สถานการณ์เฉพาะหน้าคือการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และได้รับความสูญเสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องระบบแจ้งเตือนภัย ที่ไม่อยากให้รอจนเกิดเหตุสูญเสียก่อน จึงคิดว่ารัฐบาลควรจะต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจน แต่เบื้องต้นควรต้องช่วยพร้อมสนับสนุนผู้ประสบเหตุเฉพาะหน้าก่อน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่วนสาเหตุสำหรับเหตุอาคารถล่มนั้น ณัฐพงษ์เชื่อว่าเป็นเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นส่วนเรื่องของสาเหตุต้องไปตรวจสอบในทางวิศวกรรมต่อไปในอนาคต แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นควรเร่งช่วยเหลือให้มีผู้รอดชีวิตมากที่สุดก่อน เหตุการณ์นี้สะท้อนว่ายังไม่มีการเตรียมตัวที่ดีเพียงพอโดยเฉพาะระบบแจ้งเตือนภัยที่ประชาชนคนไทยเคยเรียกร้องมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้นายกรัฐมนตรีจะแจ้งข่าวว่า ได้สั่งการให้มีการแจ้งเตือนทาง SMS แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับ เครื่องโทรศัพท์ของตัวเองก็ยังไม่ได้รับจริงๆ ถ้าเป็นระบบเตือนภัยที่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ หรือ Cell Broadcast อย่างไรโทรศัพท์ก็ต้องดังไม่ว่าจะปิดเสียงหรือปิดแจ้งเตือนอยู่ ซึ่งจะมีประโยชน์ให้ประชาชนได้รับทราบแนวปฏิบัติที่ตรงกัน เพราะที่ผ่านมาเราต้องไปรอรับข่าวสารจาก Social Media ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียมากกว่าที่ควรจะเป็น