ความที่เป็น ลูกทหาร ลูกพลเอก เติบโตมาในแวดวงทหาร เพราะเรียน รร.จิตรลดา ต่อด้วย รร.เตรียมทหาร ชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน จึงมีความรู้ความเข้าใจ สังคมทหาร วิถีกองทัพ เป็นอย่างดี และเกิดความรู้สึก แอนตี้ระบบ จึงเลือกที่จะไม่เป็นทหาร
การเดินเข้าสู่สนามการเมือง ในพรรคคนรุ่นใหม่ พรรคสีส้ม จากพรรคก้าวไกล สู่พรรคประชาชน ที่มีธง ในการปฏิรูปกองทัพ ทำให้ ชยพล รับหน้าที่ ในการตรวจสอบกองทัพ และอยู่ในคณะกรรมาธิการทหารฯ สภาผู้แทนราษฎร
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ ชยพล จึงโจมตี นายกฯ ด้วยสาเหตุที่ว่า สยบยอมต่อฝ่ายอำนาจนิยม ยอมที่จะละทิ้ง การปฏิรูปกองทัพ ยอมที่จะปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือแทรกแซงการเมือง และปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐไปคุกคามประชาชน ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกเกลียดชังกันในสังคม เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยของประเทศ และ ไม่รักษาสัญญาที่เคยบอกกับประชาชนไว้ว่าจะปฏิรูปกองทัพ
การโฟกัส มาที่ ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ Information Operations (IO) ที่คนไทยได้ยินมานาน และอยู่ในการรับรู้ เชิงลบของประชาชนทั่วไป เป็นกลยุทธ์ที่กองทัพใช้แทรกแซงการเมือง นั้น เรียกความสนใจ ไม่น้อย เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับ ผังโครงสร้าง คณะทำงานความมั่นคงพิเศษ และ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมของทหาร และตำรวจ และ Cyber Team
พร้อมเปิดแผนผังโครงสร้างทีมไซเบอร์กองทัพ ที่มีระดับสตาฟ์ ระดับผู้บัญชาการ ระดับผู้ปฏิบัติการ ทั้งจากกองทัพ และตำรวจ ในส่วนระดับผู้บัญชาการนั้น มีนายทหารฝ่ายเสนาธิการ, รองแม่ทัพภาค และผู้บังคับการ ใน สตช. ร่วมด้วย
แม้ว่าในผังที่ ชยพล นำมาเปิดเผยกลางสภา จะเป็น ผังเก่า ชื่อของ ผบ.หน่วย ที่รับผิดชอบ ได้เปลี่ยนตัวบุคคล ได้เปลี่ยนไปหลายปีหลายคนแล้ว แต่ความเป็น โครงสร้าง การบังคับบัญชา ยังอยู่ เป้าหมายสำคัญนี้ พุ่งเป้า ไปที่ การเปิดชื่อ “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธรรมนูญ วิถี อดีตผช.ผบ.ทบ. ที่ ชยพล ระบุว่า เป็น คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 66 ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ในปัจจุบัน คอยบัญชาการ Cyber Team ทำหน้าที่ “รองผอ.ศปก.ร่วมฯ ”
พร้อมย้อนอดีต โจมตี พล.อ.ธรรมนูญ ว่าเคยมีบทบาทในการไล่จับ ไล่ฟ้อง ไล่ปราบ กิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร ตั้งแต่ในยุค คสช. ช่วงแรก แต่เมื่อมาถึงยุครัฐบาลประยุทธ์ 2 ก็ได้ ย้ายเข้ามากรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามม็อบราษฎร
การที่ นายชยพล เล็งเป้า มาที่ พล.อ.ธรรมนูญ ครั้งนี้ มีนัยสำคัญ ทั้งๆที่ นายชยพล ย่อมรู้ว่า ปัจจุบัน พล.อ. ธรรมนูญ มีตำแหน่งหน้าที่ใด นอกกองทัพ แต่เลือกที่จะสร้างความเข้าใจผิด ว่า เข้ามาแทรกแซง กองทัพ
โดย ชยพล ระบุว่า ที่ตนเองแปลกใจ เพราะขนาดนายทหารคนนี้เกษียณราชการไปจากกองทัพตั้งแต่ปี 2564 แล้ว แต่ท่านก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นรองผอ.ศูนย์ปฏิบัติการร่วม และคอยบัญชาการทีมไซเบอร์นี้โดยตรง มาจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่า ชยพล ต้องการจะหลีกเลี่ยง ที่จะระบุ สถานภาพ และตำแหน่งปัจจุบัน ของ พล.อ.ธรรมนูญ เพราะจะไปเชื่อมโยงกับสถาบันฯ ก็ตาม แต่ ก็สร้างความเข้าใจผิด ต่อ พล.อ.ธรรมนูญ เพราะ พล.อ.ธรรมนูญ เป็นทหารคอแดง ที่ได้รับโปรดเกล้าฯให้ ย้ายโอน จาก ทบ. ก่อนเกษียณ มาเป็น ข้าราชการทหารในพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ มีหน้าที่ในการปกป้องสถาบันฯ และถวายพระเกียรติ
อีกทั้ง การทำหน้าที่ของ พล.อ.ธรรมนูญ อยู่ในโครงสร้างโดยเฉพาะกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 หรือ ฉก.ทม.รอ.904 ที่คนไทยได้ยินมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2560 พร้อมๆกับ การมีทหารคอแดง ในส่วนของกองทัพบก นั่นเอง หาใช่การแทรกแซง กองทัพ
การตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 เหตุผลหนึ่ง คือ การประสานการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับ พระราชกรณียกิจ หมายกำหนดการต่างๆ ทั้งเป็นทางการ และ ส่วนพระองค์ ในการถวายพระเกียรติ ในหลวง เพราะ กำลังของ ทบ. ที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ยังคงเป็นกำลังหลัก ในการปฏิบัติหน้าที่ ควบคู่กับ ทหารคอแดง ของ ทม.รอ. หน่วยในพระองค์
ดังนั้น พล.อ.ธรรมนูญ จึงทำหน้าที่ในกรอบของ การปกป้องสถาบัน และการถวายพระเกียรติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ปฏิบัติการ io ของกองทัพ ที่เกี่ยงข้องกับการเมือง
แต่ในการอภิปราย ของ ชยพล ได้เอาทุกเรื่องมาผสมเชื่อมโยงกัน กับ เพจ io ที่ตั้งขึ้นมาในยุค คสช. ที่ในเวลานั้น มองภาพนักการเมือง หลายคน เป็นบุคคลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะในเวลานั้น ยังไม่มี “ดีล” ไม่มีการเจรจาจับมือกันของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย กับ ขั้วอนุรักษ์นิยม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นสัญลักษณ์
ปัจจุบัน เพจ io ต่างๆในยุค คสช. ได้ปิดตัวลงจำนวนไม่น้อย แต่หลายเพจที่มี ผู้ติดตาม ที่เป็นแนวร่วม คสช.. หรือ คนเสื้อเหลืองเดิม หรือสลิ่ม ยังคงทำต่อ และหลายเพจ ที่ต่อต้านดีลข้ามขั้ว ต่อต้านระบอบทักษิณ จึงยังคง ปฏืบัติการ io โจมตี นายกฯ และคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ นายทักษิณ อยู่ บางเพจ ก็เป็น พลเรือน แนวร่วม บางเพจ ก็เป็นทหาร แต่ไม่ได้เป็นเพจทางการของ กองทัพ แต่ กองทัพ ก็ยังรักษาสัมพันธ์ ไว้ใช้เป็นแนวร่วม ในการทำ io หรือการประชาสัมพันธ์องค์กร หรือหน่วยทหาร
แต่การเปิดเรื่องนี้ในสภา โดยการเอามาตัดต่อเชื่อมโยงกัน ทำให้ภาพของ ปฏิบัติการ io ของกองทัพ กลายเป็นเรื่องการเมือง และหวังผลให้กระทบ แบบโดมิโน่ ต่อสถาบันฯ และ บุคคลใกล้ชิด เป้าหมายของ นายชยพล ยีงต้องการ พุ่งเป้าไปที่ กล่องดวงใจ สำคัญ ที่เป็นทหารคอแดง นอกกองทัพ ด้วยการแฉ ว่า สถานที่ประชุมทีมไซเบอร์ อยู่ใกล้ๆ แถวสะพานเกษะโกมล
สะท้อนว่า ชยพล ต้องการชี้เป้าไปที่ หน่วยทหารคอแดง ย่านถนนพระราม5 ซึ่งมีรหัสลับ ที่ในกองทัพ รู้กันดีว่า หมายถึง สถานที่ใด และเป็น สัญลักษณ์ ถึง ใคร และเชื่อมโยงกับบุคคล ที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพ แต่เป็นบุคคล ใกล้ชิดสถาบันฯ
การอภิปรายฯ ของ ชยพล จึงสะเทือน ทั้งกองทัพ ไม่ใช่แค่เพียง ข้อมูล และ เอกสารราชการหลุด ทั้งในส่วนของ ทัพไทย ทบ. ทร. และ กอ.รมน. ที่นำมาใช้ในสภา เท่านั้น แต่การพุ่งเป้ามาที่ พลเอกธรรมนูญ ย่อมหวังผลกระทบชิ่งถึง บุคคลใกล้ชิด และสถาบันฯ ตามสไตล์ของ พรรคส้ม
แม้ว่า ชยพล จะหมายโจมตีนายพล กลุ่มหนึ่ง ที่เขากล่าวหาว่า มักแอบอ้างสถาบันฯ ก็ตาม แต่ผลกระทบ แผ่กระจายวงกว้าง
พร้อมๆ กันนั้น ก็ ทิ้งระเบิดใส่ “ดีลข้ามขั้ว” ด้วยการ อ้างเอกสาร กอ.รมน. หรือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. จัดทำข้อมูลแผน และแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงข้อมูลสถานการณ์ และเป้าหมายบุคคล และกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหว และการประมาณการภัยคุกคามด้านความมั่นคงฯ ที่ระบุถึง กลุ่มชื่อบุคคลที่แสวงหาประโยชน์โดยแอบอ้างสถาบันฯ ที่มีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ อนุทิน ชาญวีรกูล รวมอยู่ด้วย ที่ทำให้ เกิดความหวาดระแวงกันเอง ระหว่าง นายกฯแพทองธาร ทักษิณ ฝ่ายรัฐบาล กับ กองทัพ และสะเทือนไปถึง บิ๊กทหาร ที่เกี่ยวข้องกับ ดีล นั้นด้วย ว่า ยังหลิ่วตาข้างหนึ่ง ให้กองทัพ กระทำเช่นนี้ หรือไม่
แม้ว่า ในดีลข้ามขั้ว คือ ต้องไม่มีการเช็คบิล ล้างบาง กองทัพ หรือเอาผิดด้านกฎหมาย ไม่แทรกแซง กองทัพ ที่ส่งผลให้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยกเลิกการแก้ไข พรบ.กลาโหม 2551 และไม่แทรกแซงโยกย้ายทหาร ขณะที่ กองทัพ ซึ่งไม่ใช่ คนดีล โดยตรง แต่ ในฐานะที่เป็นเครื่องมือและอาวุธของขั้วอนุรักษ์นิยม ที่ร่วมดีล ก็ต้อง สนับสนุนรัฐบาล และไม่ก่อการรัฐประหาร
แต่สิ่งที่ถูกเปิดมาในสภา แม้จะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เชื่อมโยงตัดแปะ เข้าด้วยกัน ก็ทำให้เกิดความหวาดระแวง ระหว่าง รัฐบาบ กับกองทัพ อย่างหนัก
จึงต้องจับตาดูว่า นายกฯแพทองธาร ทักษิณ และ ภูมิธรรม จะแก้เกม นี้ อย่างไร