วันที่ 27 มี.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิง พ.ศ.... ตามที่กระทรวงการคลังได้ยกร่าง โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว ในระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-14 มี.ค.68 สำหรับขั้นตอนจากนี้ จะนำเสนอเป็นวาระเร่งด่วนเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 ก่อน และตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 11 เม.ย.68 ซึ่งมีเวลาเหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นจากนั้นถึงจะเป็นการพิจารณาของสภาฯ ในวาระ 2-3 หลังจากร่างกฎหมายได้ผ่านความเห็นในชั้นกรรมาธิการเป็นที่เรียบร้อย
"จากนี้ จะเป็นขั้นตอนของสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา เราจะส่งเข้าไปให้พิจารณาใน 3 วาระตามปกติ เชื่อว่าความคิดเห็นของสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา จะเป็นอย่างไร มีการแก้ไขอย่างไร ก็คงเป็นสิทธิในการแก้ไขที่จะเป็นบวก และเป็นประโยชน์กับการที่เราจะมีกฎหมายฉบับนี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต...เราอยากผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เข้าสภาแล้วไปคาราคาซัง ถึงเวลาหมดสมัยรัฐบาล ก็ยังพิจารณากันไม่เสร็จ สุดท้ายความหวังที่จะสร้างจุดเปลี่ยนนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง" รมช.คลัง กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อประเทศ เม็ดเงินที่จะได้รับจากการลงทุนต่อจุด ไม่ต่ำกว่าระดับแสนล้านบาท รวมถึงเม็ดเงินที่รัฐจะได้รับในรูปแบบของภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เม็ดเงินที่ประชาชนจะได้รับจากผลทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งโรงแรม การท่องเที่ยว และที่สำคัญ คือไม่ใช่แค่เรื่องของกาสิโน แต่เป็นเรื่องของการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร เป็น Manmade Tourist Destination ที่มีขนาดใหญ่ และเป็นโมเดลธุรกิจที่ต่างประเทศให้การยอมรับ และบางประเทศเช่น ญี่ปุ่น ดูไบ กำลังเริ่มทำอยู่
"เรามองภาพประเทศไทยในอนาคต วาดฝันได้เลยว่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเพิ่มมากขึ้น ทั้งร้านอาหารระดับโลก สวนสนุกขนาดใหญ่ระดับเดียวกับดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์เซิล เราจะเห็นสนามกีฬา อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่...การลงทุนขนาดใหญ่ ที่ให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในรูปแบบของ Entertainment Complex เราจะมีจุดดึงดูดใหม่ที่จะสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้ง MISE ทั้ง OTOP ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินให้กับประชาชน นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าการลงทุนให้กับประเทศ เดินหน้าธุรกิจท่องเที่ยวที่เดิมเคยพึ่งพาแต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางประเพณีวัฒนธรรมมาโดยตลอด วันนี้เราอยากสร้างจุดเปลี่ยน ดึงการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้ประเทศไทย ร่าง พ.ร.บ.Entertainment Complex จึงได้ผ่านความเห็นจาก ครม." นายจุลพันธ์ กล่าว
รมช.คลัง กล่าวว่า กรณีเงื่อนไขการคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการในกาสิโน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดให้ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 50 ล้านบาทนั้น ประเด็นนี้ยังมีข้อถกเถียงกันกว้างขวาง เพราะอาจขัดกับวัตถุประสงค์ของการมีกาสิโนอยู่พอสมควร เนื่องจากรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาการพนันนอกระบบที่ผิดกฎหมาย หากกำหนดจำนวนเงินในบัญชีไว้สูงมากถึง 50 ล้านบาท จะยิ่งทำให้เป็นการผลักคนส่วนใหญ่อีกกว่า 60 ล้านคน กลับไปสู่การพนันที่ผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบันมีข้อมูลว่าคนไทยที่มีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท มีเพียงหมื่นกว่าคนเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้คงต้องไปถกกันในชั้นกรรมาธิการต่อไป
"เรามองข้อเท็จจริงว่า คนไทยยังมีการไปเล่นพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในบ่อนที่ผิดกฎหมาย แม้เราจะกวดขันจับกุมอย่างเข้มงวด แต่ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ กลไกนี้จะเป็นการดึงเขากลับมาในระบบ โดยที่เราสามารถติดตาม กำกับดูแลประชาชนในกลุ่มนี้ได้ต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเรามี หรือไม่มี Entertainment Complex แล้วการพนันผิดกฎหมายจะไม่มีเลย เราจึงต้องสร้างกลไกที่จะดึงเขากลับมา ส่วนการเยียวยา มีในรูปของกฎหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของกองทุน เพราะใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ระบุว่าไม่สามารถตั้งกองทุนที่มีวัตถุประสงค์ซ้ำซ้อนกัน นี่คงเป็นอีกประเด็นที่สภาฯ ต้องไปคุยกันว่าจะให้ผ่านด่านนี้ได้อย่างไร" นายจุลพันธ์ ระบุ
รมช.คลัง กล่าวว่า หากในอนาคตร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ก็จะต้องมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นตามกฎหมาย โดยมีคณะกรรมการ 2 ส่วนประกอบด้วย คณะกรรมการฝ่ายนโยบาย และคณะกรรมการฝ่ายบริหาร ซึ่งการจะตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ใดนั้น จะต้องเริ่มต้นในการศึกษาความคุ้มค่าของแต่ละพื้นที่ก่อน ว่าในประเทศไทยควรมี Entertainment Complex กี่แห่ง และตั้งอยู่ในพื้นที่ใดบ้างที่มีศักยภาพ และแต่ละพื้นที่ควรมีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง
"เมื่อได้ผลการศึกษาออกมาแล้ว หน่วยงานนี้ (สำนักงานคณะกรรมการฯ) ก็จะทำหน้าที่ออก TOR ผู้สนใจซึ่งเป็นผู้ลงทุน ต้องไปจัดตั้งเป็นกลุ่มบริษัท (Consortium) ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เช่น ส่วนหนึ่งอาจถนัดโรงแรม อีกส่วนอาจถนัดเรื่องอาหาร อีกส่วนอาจถนัดห้างสรรพสินค้า สวนสนุก แล้วนำมาเสนอคณะกรรมการ ซึ่งเราจะมีเกณฑ์ที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้ทุกคนสามารถนำเสนอได้ และต้องพิจารณาในเรื่องความเหมาะสมทุกประการ ทั้งพื้นฐานของบริษัท ประสบการณ์ สิ่งที่นำเสนอจะมาเป็นจุดเปลี่ยนให้กับประเทศไทยได้จริงหรือไม่ จะสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น ดึงดูดนักลงทุน นกท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่ และมีประวัติเป็นทุนสีเทาหรือไม่ มีประวัติฟอกเงิน ค้ามนุษย์หรือไม่ เราต้องดูให้ครบถ้วน รอบคอบ รัดกุมที่สุด จากนั้นจึงจะมีการวินิจฉัยให้คะแนนอย่างที่ทุกคนตรวจสอบได้ จึงจะมีผู้ลงทุนที่ได้รับใบอนุญาตต่อไป" รมช.คลัง กล่าว