วันที่ 27 มี.ค. 2568 เวลา 13.45 น.ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงมติครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจรงว่า ก็ต้องดูว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนคืออะไร หากเกิดประโยชน์ และมีความเป็นธรรมก็คงไม่มีใครขัด แต่หากเกิดผลกระทบในเชิงลบต่อสังคมตามที่หลายฝ่ายกังวล และยังไม่มีข้อชี้แจง หรือแนวทางควบคุมกำจัดผลกระทบเชิงลบก็ต้องมีการทบทวน รวมถึงความเป็นธรรม เรื่องการประมูล หรือเสนอราคา มีความโปร่งใสหรือไม่

นายวิโรจน์ เปิดเผยอีกว่า ตนจะไปที่กรมสรรพากรในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 08.00 น. เนื่องจากขณะนี้ เจ้าของกิจการหลายคนถามว่าใช้ “แพทองธารโมเดล” ได้หรือไม่ ในกรณีหุ้น PN แต่คนที่จะงอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนแรก ตนคิดว่าน่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะนายเศรษฐา ก็เคยโอนหุ้นในลักษณะนี้ให้กับลูกสาว เช่นเดียวกัน ขณะที่อธิบดีกรมสรรพากรที่ออกมาระบุว่าสามารถทำได้ คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ตรงประเด็น เนื่องจากพูดถึงกันคนละกรณี สิ่งที่ทุกคนสงสัย คือการมีพฤติกรรมแบบนี้ คือการติ๊งต่างทำเป็นซื้อหรือหรือไม่

“เนื่องจากกรณีที่ตั๋วนี้ไม่มีการระบุว่า จะจ่ายวันไหน แต่เมื่อไปถามน.ส.แพทองธาร ก็บอกว่าจะจ่ายปีหน้า และการที่ดอกเบี้ยไม่มีนั้น ก็เหมือนเป็นการแลก และหากไม่มีตรงนี้ ก็คือการให้ที่ชัดเจน เพราะเป็นการเปลี่ยนมือจากคนอื่นมาอยู่ที่น.ส.แพทองธาร แต่น.ส.แพทองธารไม่ได้จ่ายสักบาท ซึ่งหากถือว่าเป็นการให้ ก็ต้องไปจ่ายภาษีการรับให้อีกอยู่ดี จึงทำให้สงสัยว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ ซึ่งผมมองว่า นี่คือช่องว่างทางกฎหมาย หากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายใครก็ทำกัน ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครจะแสดงตัวในเรื่องนี้ มีแต่การทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ กันทุกคน และยิ่งหากมีการทำกันเยอะ ก็จะส่งผลเสียต่อสาธารณะ”นายวิโรจน์ กล่าว