เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 มี.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สัมภาษณ์กรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎรออกมาระบุ ตั้งใจจะถามนายกฯ ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น แต่นายกฯ เพียงแต่ถ่ายรูปว่า นายกฯ กวักมือเรียกไปหมด แต่ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ไม่มา แต่ช่วงหนึ่งได้มีนายณัฐพงษ์ และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เดินขึ้นมา นายกฯก็ยิ้มให้ เพราะนึกว่ามาถ่ายรูปด้วย แต่นายณัฐพงษ์กลับพูดทำนองว่า เรื่องราวต่างๆ ยังไม่จบ ยังมีอะไรอีกประมาณนี้ ตนมองว่าผู้นำฝ่ายค้านควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ท่านมีหน้าที่อยู่แล้ว ถ้ารู้สึกว่ายังไม่ได้ตอบคำถามอะไรก็มาตามต่อได้ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในสายตาสาธารณชน การขึ้นมาแบบผิดปกติที่เขาทำกันและพูดจาเหมือนไม่พอใจ ท่านต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีเวลาเยอะ ขอไว้ยังใช้ไม่หมด แล้วจะมาหงุดหงิดอะไร การพูดปิดการอภิปราย ต้องพูดข้อเท็จจริง อะไรผิดตรงไหนชี้ให้เห็น แล้วบอกว่าไม่สมควรไว้วางใจ แต่ไม่ใช่มาตั้งคำถาม แล้วพอตั้งคำถามไม่ได้ก็ไม่มีการอภิปรายแล้วจบ ส่วนตัวมองว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่มีสิ่งใหม่ สิ่งที่เพิ่มคือวาทกรรม และความขึงขัง กิริยาที่รุนแรงน่ากลัว ตนเคยบอกไปแล้วว่าไม่ต้องแสดงท่าทีเอาเป็นเอาตาย เหมือนจะออกรบแค่บอกปัญหาให้ชัดว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่สำหรับตน เช่น ไอโอของกองทัพ ซึ่งพรรครัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนี้ก็จะรับมาตรวจสอบ เมื่อผลออกมาอย่างไรก็พร้อมตอบ ซึ่งเขาก็รู้ว่าเวลาของรัฐบาลน้อย กลับมานั่งตั้งคำถาม แม้จะเป็นดุลยพินิจของประธาน แต่ในความรู้สึกมันผิดธรรมเนียมที่เคยทำมา ซึ่งเราไม่อยากทำอะไรที่ผิด ที่ผ่านมาเราก็ระมัดระวังอยู่แล้ว อะไรที่ผิดจากที่เป็นเราก็ไม่อยากทำ เพราะพรรคเราก็เผชิญอะไรมาเยอะแล้ว
“ผมว่าไม่ค่อยแฟร์ที่หยิบประเด็นแล้วมาทำขึงขังตีความตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นว่า เป็นดีลแลกประเทศ ซึ่งผมก็ไม่เห็นอะไรเลยที่เป็นดีล ก็เป็นสิ่งปกติธรรมดา อะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่มั่นใจเราก็รับฟัง แล้วไปดูว่าอะไรจริงไม่จริง อะไรที่ไม่จริง เราก็ตอบไป การอภิปรายครั้งนี้ ถ้าไปถามประชาชน เขาจะบอกว่าขาดอะไรใหม่ๆ แต่ถ้ามีเรื่องคอรัปชั่น เรื่องตัวเลข รัฐบาลตายอยู่แล้วถ้ามีหลักฐานที่เป็นจริง“ นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ฟังเสียงโน้นเสียงนี้ แล้วมาคาดการณ์ เมื่อเราฟังฝ่ายค้านแล้ว ต้องมาค้นหาว่า จริงหรือเปล่า เพราะฝ่ายค้านฟังอะไรมาแล้วก็พูดนู้นพูดนี่ ผมว่าต้องปรับวุฒิภาวะให้มากกว่านี้ เวลาอภิปรายในสภาไม่ต้องทำท่าทีขึงขัง เหมือนจะฆ่ากันตาย แค่บอกว่าไปพบปัญหาแล้วให้รัฐบาลจัดการ ถ้ารัฐบาลไม่จัดการในสายตาประชาชนอยู่ไม่ได้ ผมอยากให้เปลี่ยนวาทกรรม เปลี่ยนท่าทีที่เหมือนการแสดงละคร เอาข้อเท็จจริงมาแนะนำและพูดคุยกันดีกว่า
