วันที่ 27 มี.ค. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้วเสร็จ ผู้นำฝ่ายค้านได้มีการให้สัมภาษณ์ที่ระบุว่านายก ฯ ยังไม่ได้ตอบคำถามให้ตรงประเด็น ว่า เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.68) นายก ฯ เป็นคนที่มีจิตใจกับทุกคน ในช่วงที่ถ่ายรูปก็ได้เรียกหลายคนมาถ่ายรูป แต่ทางฝ่ายค้านไม่ได้มาถ่ายรูป โดยก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นวัตรปฏิบัติ อยู่แล้ว โดยปกติพอเลิกอภิปรายต่าง ๆ พรรคฝ่ายค้านก็จะไปรวมกลางห้องประชุมสภาและโบกมือ แต่นายก ฯ คิดแค่ว่าเราร่วมกันอภิปรายจนถึงดึกและหนักมากหลายคน จึงมาแสดงความขอบคุณกัน 
โดยมีสื่อมวลชนตะโกนมาว่า มาถ่ายจุดนี้หน่อยเลยมาถ่ายรวมกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่นายก ฯ ก็ได้ถามว่า ฝ่ายค้านตอนโหวตเขาไม่ได้มา ตนเลยบอกว่าปกติเขาก็ไม่ได้มาร่วมแบบนี้อยู่แล้ว 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า แต่ในขณะที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ได้เดินเข้ามาหา โดยนายก ฯ ก็ยิ้มทักทายคิดว่าเดินมาถ่ายรูปด้วย แต่ตนรู้สึกว่ามีคำพูดที่อยู่ในลักษณะ ที่ตนไม่อยากจะใช้คำที่ตนรู้สึกเป็นทำนองที่ว่า ” เรื่องราวต่าง ๆ ยังไม่จบยังมีอะไรอีก“ ซึ่งตนคิดว่าผู้นำฝ่ายค้านควรจะมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ เพราะตามจริงผู้นำฝ่ายค้านก็มีหน้าที่อยู่แล้ว หากยังไม่ได้ตอบคำถามอะไรก็มาตามต่อได้ พอเป็นเรื่องที่อยู่ในสายตาสาธารณะชนอยู่แล้ว ไม่ควรขึ้นมาหาแบบผิดปกติ และมาพูดแบบไม่พอใจ เหตุที่นายก ฯ ไม่ได้ตอบคำถาม เพราะตามจริงฝ่ายค้านก็มีเวลาเยอะ ซึ่งมีการขอไว้ก็ยังใช้ไม่หมด แล้วจะมาหงุดหงิดอะไร ฝ่ายค้านก็พูดข้อเท็จจริง อภิปรายก็พูดข้อเท็จจริง ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ใช่มาตั้งคำถาม และพอตั้งคำถามไม่ได้ก็มีการอภิปรายเท่านั้นก็จบ 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านครั้งนี้ตนยังไม่เห็นอะไรใหม่ ซึ่งก็เตรียมจะตั้งใจฟัง อีกทั้งคิดว่าทำงานมาแค่ 6 เดือนแต่ทำไมขอเวลาอภิปรายเยอะ เพราะตามจริงไม่มีอะไร ส่วนการอภิปรายก็เป็นการหยิบเรื่องเก่ามาร้อยเรียงใหม่ เพราะตามจริงที่ตนเคยบอกหากจะพูดกันแค่นี้ก็เข้าไปในห้องสมุดแล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาเรียงแล้วเสนอได้เลย ย้ำว่าไม่มีสิ่งใหม่สิ่งที่เพิ่มคือวาทกรรมความขึงขังและกิริยาที่ดูน่ากลัว ซึ่งตนเคยพูดกับฝ่ายค้านหลายครั้งแล้วว่า ไม่ต้องแสดงท่าทางที่จะเอาเป็นเอาตาย แต่ต้องบอกปัญหาให้ชัดว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับตน เช่น การปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) เพราะพรรครัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ ตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีควบคุมในเรื่องนี้ ก็ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ แล้วตนก็น้อมรับ ส่วนจะเป็นอย่างไร ก็ค่อยมาถามอีกทีหลังตรวจสอบและพิจารณา ตนก็พร้อมตอบ

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เวลาของตนน้อยเพราะนายก ฯ จะเป็นคนตอบ พอเวลาของฝ่ายรัฐบาลหมด ฝ่ายค้านรู้ว่าเราไม่มีเวลา แล้วก็มาตั้งคำถามเพื่อให้ตอบแต่ก็เป็นดุพินิจของประธานสภา แม้อนุญาตให้ตอบ แค่ตนรู้สึกว่ามันผิดธรรมเนียมที่เคยทำมา ซึ่งก็ไม่อยากทำอะไรให้มันผิด เพราะที่ผ่านมาเราก็ระมัดระวังในเรื่องที่ทำแล้วมันผิดจากที่เป็น เราก็ไม่อยากทำ เพราะพรรคของเราก็เผชิญอะไรมาเยอะ แต่ตนคิดว่ามันไม่แฟร์ที่หยิบเอาประเด็นมาแล้วทำขึงขังตีความก่อนเริ่มต้นอภิปรายว่าเป็น “ดีลแลกประเทศ” ซึ่งตนก็ไม่เห็นอะไรเลยที่เป็นดีล ส่วนกรณีไอโอ ซึ่งในนั้นมีรายชื่อของทุกคนรวมถึงชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก ฯ ก็มี ซึ่งตนฟังแล้วดูเหมือนเป็นการสรุปข่าวเท่านั้นเอง แต่หากกังวลใจบอกมาได้ตนจะดูรายละเอียดให้ แต่ว่าต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ 

เมื่อถามอีกว่ามองในมุมของรัฐบาลคิดว่านายกตอบคำถามครบหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายก ฯ ก็ตอบในสิ่งที่นายก ฯ คิดว่าเป็นคำถามของตนเอง และอยู่ในข้อเท็จจริง ตนขอยกตัวอย่างกรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กำลังอภิปรายอยู่ และตนก็รู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง ตนก็ได้กล่าวไปว่าเขาพูดในสิ่งที่ไม่จริง ซึ่งมันก็มีการพูดร้อยเรียงเรื่อง โดยใช้กริยาท่าทางที่เข้มแข็งเหมือนกำลังจะออกรบ เอาข้อเท็จจริงมาพูดบ้างและไม่ได้มีข้อเท็จจริงบ้างมาพูดให้ขึงขัง ซึ่งสำหรับเราอะไรที่ไม่แน่ใจเราก็รับฟัง และไปดูว่ามันจริงหรือไม่จริง การอภิปรายไม่ไว้วางใจหากไปถามประชาชนโดยรวม ประชาชนก็จะรู้สึกว่า ก็ยังขาดอะไรใหม่ ๆ หากมีหลักฐานในเรื่องของคอร์รัปชั่นและตัวเลขที่ชัดเจนที่เป็นจริงรัฐบาลตายอยู่แล้ว 

นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ตนไม่อยากจะเห็นว่าไปรับฟังเสียงอื่นมาแล้วมาคาดการณ์เอง เพราะปัจจุบันเวลาฝ่ายฝ่ายค้านเราก็ต้องมาค้นหาว่าข้อมูลเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะฝ่ายค้านฟังอะไรมาเพียงนิดเดียวก็เอานำมาพูด ตนคิดว่าต้องปรับวุฒิภาวะให้มากกว่านี้และเวลาอภิปรายในสภาไม่ต้องทำขึงขังเหมือนกับจะฆ่ากันตาย ทำแค่ให้ประชาชนรู้ว่าเราไปทำหน้าที่มาพอ ว่ามีเรื่องที่รัฐบาลไม่จัดการปัญหา หากรัฐบาลไม่จัดการในสายตาประชาชนก็อยู่ไม่ได้ อยากให้เปลี่ยนท่าทีที่ขึงขังเหมือนกับแสดงละคร มาเอาข้อเท็จจริงมาแนะนำและมาพูดคุยกันดีกว่า