เริ่มต้นปี 2568 ด้วยข้อมูลทางธุรกิจโรงแรมที่มีอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยต่างมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 74% และราคาห้องพักเฉลี่ยปรับสูงขึ้นราว 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งการกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ค่อนข้างเร็วและก้าวเข้าสู่ช่วงของการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจน คือ กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตระดับบน (Upscale/Upper Upscale) และระดับลักชัวรี่  เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นกลุ่มแรกหลังการเปิดประเทศคือกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง อีกทั้ง โรงแรมและรีสอร์ตในกลุ่มนี้ยังได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีการเติบโตสูงอย่างกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่ใช้จ่ายในระหว่างท่องเที่ยวสูง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่ รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี ขับเคลื่อนธุรกิจผ่านดิจิทัลเป็นหนึ่งเดียว เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวได้ทันท่วงที

รองรับสถานการณ์ใด้ทันท่วงที

โดย นายเอียน ดิ ทูลลิโอ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า วันนี้ได้โฟกัสการEvolution ที่ไม่ใช่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นการที่ปรับตัวได้มากที่สุด เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของไมเนอร์เติบโต ซึ่งการพัฒนาแบรนด์ภายใต้อัตลักษณ์ใหม่มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงปัจจุบันที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยน การทรานฟอร์มของดิจิตอล รวมไปถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดการรีแบรนด์ครั้งนี้รองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงทีเพื่อโรงแรมในเครือประมาณ 560 แห่งใน 58 ประเทศได้เติบโตไปพร้อมๆ กันภายใต้ปรัชญาหลัก คือ ไม่จำเป็นต้องเป็น Biggest แต่ต้องเป็น The Best ด้านฮอสพิทาลิตี้ใการเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นไป ทั้งนี้คาดว่าการรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวน่าจะสร้างการเติบโตด้านรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2-4%

เอียน ดิ ทูลลิโอ

ซึ่งการรีแบรนด์ครั้งนี้ขับเคลื่อนธุรกิจผ่านประสบการณ์ดิจิทัล โปรแกรมสมาชิก และช่องทางการขาย มัดรวมอยู่ในช่องทางเดียวกัน ในลักษณะ One Place One Application One website รวมทั้ง 8 แบรนด์ ใน 560 โรงแรม เพื่อสร้างความรับรู้ธุรกิจของไมเนอร์ โฮเทลส์ในวงกว้าง และอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงของนักท่องเที่ยว ทั้งในแบบ B2C และลูกค้ากลุ่ม B2B

นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่อีก 2-3 แบรนด์ ซึ่งเป็นทั้งระดับลักชัวรี อัพสเกล และซอฟต์แบรนด์ อินดิเพนเดนต์  แบรนด์ที่มีการจัดการในรูปแบบที่ยืดหยุ่น และสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับตลาดและกลุ่มลูกค้า โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตัวเอง และการเพิ่มจำนวนโรงแรมใหม่ขึ้นอีก 300 แห่ง ภายในปี 2570 ภายใต้เป้าหมายที่จะผลักดันให้ไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็น The best ด้านฮอสพิทาลิติลี้

สำหรับการรีแบรนด์ที่เกิดขึ้น สิ่งแรกที่ผู้ใช้บริการจะได้เห็นคือภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสของ โลโก้ ไมเนอร์ โฮเทลส์  หัวลูกศรภายในตัวอักษร ‘M’ ในโลโก้ใหม่เป็นสัญลักษณ์ของทิศทางและการนำทาง ชี้ไปสู่การค้นพบ การเชื่อมต่อ และการผจญภัย พร้อมทั้งสะท้อนบทบาทของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในการสร้างสรรค์เส้นทางแห่งประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับแขกผู้เข้าพัก   พร้อมด้วยสีสันฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสไตล์ภาพถ่ายที่สะดุดตา 

“การพัฒนา One Place One Application One website จะช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งนอกจากการขายผ่านช่องทางขายระดับโลก ที่ไมเนอร์ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว อาทิ HBX ,Dnata และ Fliggy นักท่องเที่ยวจะเข้าถึงแอปเดียว ไม่ว่าจะพักโรงแรมใดก็ตามใน 8 แบรนด์ ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้บริการ เช่น เช็คอิน การส่งอาหาร และรอยัลตี้ โปรแกรม จากสมาชิกกว่า 10 ล้านคน รวมสิทธิพิเศษจาก 8 แบรนด์มาอยู่ในแอปเดียวกันเช่นกัน การดาวน์โหลดใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที ทำให้ไมเนอร์ มอบประสบการณ์ให้ลูกค้าได้มากขึ้น”นายดิ ทูลลิโอ กล่าว

สร้างประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้า

อีกทั้งนายดิ ทูลลิโอ กล่าวต่อว่า เป้าหมายในการรีแบรนด์ คือ ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า โดยรวมตัวกันทั้ง 8 แบรนด์ ให้มาอยู่ในศูนย์รวมเดียว ในลักษณะ One Place One Application One website เพราะที่ผ่านมาทุกคนอาจจะรู้จักแบรนด์โรงแรมต่างๆ แต่หลายคนไม่รู้ว่าอยู่ในเครือไมเมอร์ ดังนั้นการรีแบรนด์ จะทำให้ ลูกค้าจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มดิจิทัล  และมือถือ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการตลาด ช่องทางการขาย และการสื่อสารภายในโรงแรมในเครือ นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ โฉมใหม่ยังจะปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นผ่านการสื่อสารและโฆษณาแบบหลายแบรนด์ ซึ่งใช้พลังของแบรนด์โรงแรมในเครือเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์หลัก    

ด้าน นาย ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การรีแบรนด์ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดบนเส้นทางแห่งความสำเร็จในช่วงกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่สร้างการเติบโตทางด้านรายได้และผลกำไร แต่ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในด้านความหลากหลาย ความเชี่ยวชาญ และศักยภาพของทีมงานเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ยกระดับประสบการณ์ของแขกผู้เข้าพัก เพราะการรวมทุกแบรนด์โรงแรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวทั้งหมดไว้ภายใต้ชื่อ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมการบริการ