“นายกฯอิ๊งค์”ผ่านฉลุย! โหวตไว้วางใจท่วมท้น 319 เสียง ต่อ 162 เสียง “7 งูเห่า”โผล่โหวตหนุน หนึ่งเสียง "พปชร." ส่วน " 4เสียง" ทีม "ชวน" งดออกเสียง “นายกฯ” ขอบคุณ 319 เสียงโหวตหนุน บอกไม่ต้องการ “งูเห่า” ปัดตบรางวัล ลั่น สัตย์จริงไม่เคยดีล เผยบอกพ่อแล้ว ยังไม่ปรับ ครม. พร้อมเปิดเวชระเบียนชั้น 14 หากไม่ติดข้อกฎหมาย ส่วน “เท้ง”ยันไม่เสียของแน่นอน ซักฟอกนายกฯ ไร้ผล เตรียมเกลือโรยต่อ ไม่ขอประเมินอายุรัฐบาล แต่ถ้า “แพทองธาร”อยู่ต่อ คนไทยจะอายุสั้นลง
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาลงมติในญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล(น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะ เป็นผู้เสนอ ภายหลังจากที่มีการอภิปรายของสส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน และการชี้แจงจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) รวมถึงสส.พรรคร่วมรัฐบาล ตลอด 2 วัน(24-25มี.ค.)ที่ผ่านมา โดยใชเวลาไปทั้งสิ้น 32 ชั่วโมง 32 นาที
จากนั้นเวลา 10.12 น. ประธานสภาฯ ได้แจ้งผลการลงมติ ดังนี้ จำนวนผู้ลงมติ 487 คน เห็นด้วยกับญัตติฯ (ไม่ไว้วางใจ) 162 เสียง ไม่เห็นด้วยกับญัตติฯ (ไว้วางใจ) 319 เสียง งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนนเสียงไม่มี ถือว่า ผลการลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ เป็นอันว่าที่ประชุมลงมติไว้วางใจน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ จากนั้น ประธานฯแจ้งว่า หากการประชุมครั้งนี้มีอะไรขาดตกบกพร่อง หรือไม่สบายใจบางประการ ขอให้ทุกคนให้อภัยด้วย และได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 10.14 น. พร้อมเสียงปรบมือของสมาชิกอยู่ในห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการลงคะแนนไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ปรากฎว่า คะแนนไว้วางใจนายกฯ 319 เสียง เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงคะแนนไปในทางเดียวกันทั้งหมด โดยมีคะแนนเสียงสส.พรรคฝ่ายค้าน มาช่วยลงมติไว้วางใจ 7 เสียง ได้แก่ พรรคไทยสร้างไทย 5 เสียง คือ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง คือ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ และพรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง คือ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ขณะที่ เสียงสส.ฝ่ายรัฐบาล 3 เสียงที่ไม่มาร่วมลงมติ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แจ้งล่วงหน้าจะไม่มาร่วมการประชุม นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แจ้งลาป่วยอยู่โรงพยาบาล และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด สส.ชาติไทยพัฒนา ได้แจ้งลาป่วยอยู่โรงพยาบาล ส่วนคะแนนไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี 162 เสียง เป็นเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง ที่มีข่าวก่อนหน้านี้อาจจะมีงูเห่าหลายคนไปลงคะแนนให้นายกฯ แต่การลงคะแนน สส.19 คน ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ มีเพียงน.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ที่ลงมติสนับสนุนนายกฯ ตามที่เคยแสดงท่าทีชัดเจนไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง มีเพียง 1 เสียงคือ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด เท่านั้น ที่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจนายกฯ ส่วนอีก 5 เสียง กลายเป็นงูเห่าไปลงคะแนนไว้วางใจนายกฯ ส่วนพรรคเป็นธรรม 1 เสียง คือ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ส่วนคะแนนงดออกเสียง 7 เสียง เป็นของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 คน ส่วนอีก 4 เสียง เป็นของพรรคประชาธิปัตย์คือ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ที่แสดงท่าทีชัดเจนจะลงมติงดออกเสียงมาก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากลงมติ ได้มีบรรดารัฐมนตรี สส.พรรคร่วมรัฐบาล ต่างเข้าไปแสดงความยินดี และร่วมกันถ่ายภาพกับนายกฯอย่างชื่นมื่น โดยมีนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึงน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ก่อนหน้านี้อภิปรายอย่างดุเดือดได้ขึ้นไปร่วมถ่ายภาพบนบัลลังก์กับนายกฯด้วย
ต่อมา น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมสภามีมติไว้วางใจอย่างท่วมท้น ว่า ขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจ ก็ดีใจ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าพิธีการเป็นอย่างไร เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าไป พอประธานสภาพูดจบเสียบบัตรปุ๊บเลขขึ้นเลย และตนก็ไม่แน่ใจว่าเลขที่จอใช่ผลหรือยัง และทราบว่าใช่แล้วคือเร็วมาก เพราะตอนที่จะมีการโหวตนายกฯเป็นการขานชื่อทีละชื่อก็ถือว่าเร็ว
เมื่อถามว่า เสียงรัฐบาลนั้นท่วมท้นอยู่แล้วทำไมถึงยังต้องพึ่งเสียงของงูเห่า นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้พึ่งเลย แต่ต้องมานั่งดูอีกทีว่าอย่างไร จากที่ไหน เพราะไม่ได้บอกอยู่แล้ว อาจจะเป็นความคิด
เมื่อถามว่า ใจนายกฯคือไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่าใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องการค่ะ ไม่ต้องการให้มีภาพอย่างนั้น แต่จริงๆก็ต้องขอบคุณทุกคะแนนเสียงอยู่ดี แต่ที่เราคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็คุยกันเรื่องคะแนนโหวตจากพรรคร่วมฯ ยังไงพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมทำงานกันมา ถ้าแค่คะแนนของพรรคร่วมฯก็พออยู่แล้ว
เมื่อถามว่า 4 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่งดออกเสียง ติดใจอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าไม่ติดใจอะไรทั้งนั้น ไม่เป็นไร เมื่อถามว่า นายกฯไม่ต้องการให้มีเสียงงูเห่า คนที่นำเสียงงูเห่ามาให้ต้องตอบแทนอะไรเขาหรือไม่ หรือไม่ต้องตอบแทนอะไรใดๆ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่างูเห่าจากไหน ใครคืองูเห่า เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านประมาณ 7 เสียงมายกให้ นายกฯ กล่าวว่า อืม นายกฯย้อนถามด้วยว่าแล้วทราบหรือยังว่า7เสียงนี้จากใคร ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่าจากพรรคไทยสร้างไทย และพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่นายกฯจะกล่าวว่า อ๋อค่ะ ไม่มีไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลยด้วยความสัตย์จริงที่สุดแล้ว ไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย ฉะนั้นไม่ทราบว่าต้องให้อะไร
เมื่อถามอีกว่าเขาจะเอามาต่อรองเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ สมมุติถ้าเขาย้ายมา นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีการต่อรองเกิดขึ้นทั้งนั้น อย่างที่เคยบอกไปแล้ว จะปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกฯอยู่แล้ว ถ้าจะไปทางไหนยังไงก็ไม่เป็นผล
เมื่อถามว่า นายกฯ โฟกัสงานหลังจากนี้ต่อไปอย่างไร เมื่อได้คะแนนท่วมท้น นายกฯ กล่าวว่า ทำงานต่อไปเต็มที่ ก็คุยกันอยู่แล้วที่ทางสื่อมวลชนเห็น มีการนัดเจอกับพรรคร่วมรัฐบาล มีการพูดคุยกันชัดเจนกันทุกเรื่อง มันเป็นสไตล์การทำงานของตนอยู่แล้วว่าถ้ามีอะไรก็พูดกันตรงๆ ว่าอันไหนใช่อันไหนไม่ใช่ แบบไหนที่เราต้องการและไม่ต้องการ ก็อย่างที่บอกเป็นนายกฯGen Y ค่ะ ก็พูดแบบนี้แหละค่ะ
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสิ่งที่ตอบไปในสภาครบถ้วนทุกอย่างไม่ต้องตอบอธิบายอะไรนอกรอบแล้ว นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าจริงๆที่ตอบทั้งหมดรวมทั้งรัฐมนตรีช่วยตอบด้วยค่อนข้างที่จะครบหมดแล้ว แต่ว่ามีบางอย่างที่คิดว่าน่าจะทำเอกสารตามต่อและเผยแพร่ในโซเชียลได้ เผื่อคนที่ไม่ได้ดูยังติดใจจะได้สามารถส่งต่อได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ทีมงานทำต่ออยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หลังอภิปรายจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีแพลนจะปรับ ครม.ค่ะ เมื่อถามย้ำว่า หากมีการไปกดดัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อมาให้กดดันนายกฯขอเก้าอี้รัฐมนตรี นายกฯจะฟังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆตนรับฟังอยู่แล้วทุกเรื่อง แต่ว่าได้คุยกันอยู่แล้ว เรื่องการตั้งรัฐมนตรีก็มีการปรึกษาพูดคุยกันและสอบถาม อย่างเช่นที่จะอภิปรายรอบนี้มีการพูดกับนายทักษิณอยู่แล้ว ว่ายังจะไม่ได้ปรับครม. ซึ่งนายทักษิณก็บอกว่า อ๋อ หรอ โอเค อย่างนี้ค่ะ มีแค่นี้ ก็เลยยังไม่คิดจะปรับ ครม. ตอนนี้
“คุณพ่อไม่ได้ถามเรื่องปรับครม. คุยกันอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ยังไงจะปรับหรือไม่ปรับ เป็นการคุยกันว่ายังไง ซึ่งดิฉันก็คุยกับคุณพ่ออยู่แล้วว่ายังไม่ปรับ ครม.และเขาก็รับทราบ” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า หากเขาไปวิ่งผ่านนายทักษิณแบบนี้ต้องฟังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราฟังเหตุผลอยู่แล้ว แต่ว่าจะปรับหรือไม่ปรับเดี๋ยวเราค่อยคิดอีกทีหนึ่ง เมื่อถามว่าไม่ติดใช่หรือไม่หากพรรคร่วมรัฐบาลจะขอขยับปรับในส่วนของเขา นายกฯ กล่าวว่า อืม ทุกอย่างรับฟังไว้ก่อนได้ เพราะบางทีเราอาจจะคิดไม่ครบก็ได้ ถ้าเราฟังและเราเปิดใจ แล้วก็รู้ว่าอะไรมันดีที่สุดแค่นั้นเอง ทุกเรื่องก็ต้องใช้เหตุผลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายกฯ จะลำบากหรือไม่ ถ้าทุกคนวิ่งไปหาคุณพ่อเพื่อมากดดันนายกฯ ในการปรับ ครม. นายกฯ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า อันนี้อภิปรายครอบงำยังไม่จบเลย ใช่ไหมคะ ท่านสื่อมวลชนยังไม่จบหรอ คิดว่าทุกคนถ้าอยากได้อะไร ก็คงจะต้องมีการวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ดูกันเองว่าวิ่งทางไหนแล้วเป็นผลแล้วกันค่ะ
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ยังไม่ปรับครม.ตอนนี้ เป็นเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า ยังรู้สึกว่าการทำงานกำลังต่อเนื่องได้ดี และคิดว่าอย่างน้อยๆ ทุกคนก็ต้องมีเวลาในการปรับตัว ที่จะเริ่มทำงานให้มันคล่องมือกันต่อไป ก็เหมือนตนนี่แหละค่ะ เพราะนี่ก็เป็นครม.แรกเหมือนที่ตนเพิ่งเข้ามา ก็ทำงานเท่าๆกันเพราะฉะนั้นก็ดูกันไป
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่นายกฯระบุว่าจะยื่นแพทยสภาให้ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 นายกฯ กล่าวว่า รอ รออยู่ รอผล เมื่อถามอีกว่าผลจะออกมาเมื่อไหร่และจะเปิดเผยเวชระเบียนต่อสาธารณะหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ มันจะผิดกฎหมายหรือเปล่าเดี๋ยวขอไปเช็คก่อน แต่ตนไม่ทราบไทม์ไลน์ว่าจะได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวเช็คดู ถ้าเปิดเผยได้ก็เปิดเผย
เมื่อถามว่า หนึ่งประโยคที่นายกฯอยากพูดกับประชาชนคืออะไร นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณที่ติดตามการอภิปรายและการชี้แจงทั้งของฝ่ายค้านและของรัฐบาล ข้อมูลทุกอย่างก็พยายามจะให้ประชาชนมากที่สุดเพื่อจะให้เกิดความโปร่งใส และตนก็ตอบทุกข้อสงสัยด้วย ฉะนั้นก็ทำเต็มที่ค่ะ เดี๋ยวไว้ติดตามผลงานกันต่อไปนะคะ เรื่องนโยบายเราก็เร่งเต็มที่อยู่แล้ว
ส่วน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังที่ประชุมสภามีมติไว้วางใจนายกฯให้ทำหน้าที่ต่อ ว่า ผลการลงมติที่ออกมาพรรคฝ่ายค้านถือว่าครบถ้วน ในส่วนของพรรคประชาชนมี 2 ท่านที่ทราบสถานะ คือ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีการแอดมิดส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) และนายสิริน สงวนสิน สส.กทม. มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เราเองก็ติดตามดูอยู่ด้วยความเป็นห่วง ส่วนที่เหลือก็ต้องติดตามกันดูในพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่า ภายหลังการลงมติเสร็จแล้วระหว่างถ่ายรูปได้คุยอะไรกับนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนที่ตนไปถ่ายรูปตั้งใจไปถามคำถามให้นายกฯชี้แจงในหลายๆอย่าง จากที่เมื่อคืนยังไม่ได้ชี้แจง ตนตั้งใจจะไปถามนายกฯโดยตรง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอะไร นายกฯก็แค่ยิ้ม และถ่ายรูป
เมื่อถามย้ำว่าตั้งใจจะไปถามเรื่องอะไรกับนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เวลาสั้นๆที่เดินไปแสดงสปิริตเมื่อสักครู่นี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ตนจะไปไล่ถามทุกคำถาม
“ผมก็ถามสั้นๆ ประโยคสั้นๆว่า ท่านนายกฯครับ เมื่อวานที่ได้รอนายกฯชี้แจง ผมก็ย้ำนายกฯหลายครั้ง เมื่อคืนให้ท่านชี้แจง ท่านก็กลับเงียบ และไม่ได้ชี้แจงใดๆ ได้แต่ยิ้มและหันหน้าขึ้นไปถ่ายรูป” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่จะโรยเกลือต่อที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรากำลังดูเรื่องข้อกฎหมาย มีหลายประเด็น ซึ่งยุทธการโรยเกลือยังมีช่องทางอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนในกรรมาธิการ หรือไปยื่นตามที่ต่างๆ มีตามมาแน่นอนไม่ต้องห่วง และเรากำลังพูดคุยกันภายในพรรคว่าจะจัดการอย่างไรต่อ พร้อมย้ำว่าเริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้ทันที ก่อนมาแถลงข่าวนี้ก็ประชุมกันในพรรคมีการพูดคุยกันหลายประเด็นแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนต่อต้านการที่นายกฯถูกถอดถอนโดยศาลหรือองค์กรอิสระ แต่วันนี้จะทำเอง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนของเรามาโดยตลอดว่าเราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม รวมถึงกระบวนการที่สืบถอดมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการกลั่นแกล้งทางการเมือง ดังนั้น ที่ยังไม่ลงรายละเอียดมากเพราะเรากำลังดูช่องทางที่ถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช้กลไกที่เราไม่เห็นด้วย จึงต้องดูในรายละเอียดก่อน
“ผมเชื่อว่ามีหลายช่องทางที่เราสามารถดำเนินการทำได้ เช่น เรื่องภาษีถึงแม้ไม่ต้องร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ แต่การทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยการนำข้อมูลมาเปิดเผยในสภาฯ ก็สามารถทำให้ครอบครัวของนายกฯจ่ายภาษีได้ เราทุกคนก็ได้ประโยชน์ รวมถึงยังมีอีกหลายช่องทางมากมาย เป็นสิ่งที่พวกเราศึกษากันอยู่” นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯเรียกร้องให้พรรคประชาชนประกาศจุดยืนไปเลยว่าจะไม่จับมือกับพรรคไหนบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาชนชัดเจนมาโดยตลอด ในสภาฯชุดนี้ จะไม่มีการไปร่วมรัฐบาลแน่นอน ตนคิดว่าการที่เรามีความชัดเจน เราก็พูดชัดเจนอยู่แล้ว แต่ในมุมกลับกันตนต้องถามจุดยืนทางเมืองเมืองของนายกฯเช่นเดียวกัน ว่าจุดยืนของท่านเป็นอย่างไร ดูย้อนแย้งหรือตรงข้ามกับสิ่งที่เคยเป็นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดหรือไม่ ฉะนั้น ยังเร็วไปที่จะถามคำถามนี้ เราเห็นมาโดยตลอดแต่ละพรรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาฯชุดปัจจุบัน อาจจะมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป บางทีก็ย้ายไปฝั่งรัฐบาลบ้าง ฝั่งฝ่ายค้านบ้าง ฉะนั้น จุดยืนเราไม่เคยเปลี่ยน
เมื่อถามย้ำว่าช่วงไหนถึงจะพอดีกับดีจะประกาศว่าร่วมกับพรรคไหน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รอมีกระแสใกล้ๆ ช่วงมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ช่วงนั้นอาจจะมีความชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถามว่า หลังจากอภิปรายครั้งนี้จะต้องปกป้องคนในพรรคด้วยหรือไม่ เพราะออกมาแฉเรื่องไอโอกองทัพ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่พวกเราไม่อยากเห็น คือการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือฟ้องปิดปาก แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้คงไม่ได้ยับยั้งการทำหน้าที่ของพวกเรา ส่วนเรื่องปฏิบัติการไอโอสิ่งที่น่าเสียดายคือไม่ได้อภิปรายจนจบ เพราะเราอยากสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่าฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายเป็นเป้าโจมตีของกองทัพ
เมื่อถามว่าพอใจภาพรวมการอภิปรายหรือไม่ เพราะฝั่งรัฐบาลก็ระบุว่าเหมือนเป็นการสรุปข่าวให้ฟัง ไม่มีข้อมูลใหม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างพรรคพลังประชารัฐ หลายคนมีบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ ซึ่งเรานำเสนอข้อมูลใหม่หลายด้าน ถ้ามองในกรอบรัฐบาลที่มองว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอะไรมาก ตนอยากถามนายกฯและรัฐบาลเช่นเดียวกัน ว่าหลายปัญหาของประเทศในขณะนี้ ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตหลายปี ในเมื่อคุณเดินเข้าสู่อำนาจแล้วมีเจตจำนงหรือความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้กับประชาชน
เมื่อว่าเกมของฝ่ายค้านจบแล้วในสภามีการเตรียมรับมือกับเกมของฝั่งรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นสส. คือการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง ส่วนเกมการเมืองเช่นที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าการถ่ายภาพร่วมกันจะเป็นเกมที่ทำให้เราเสียภาพหรือไม่ ตนมองว่าเป็นประเด็นเล็กๆน้อยๆ สิ่งที่ประชาชนมองเห็นคือการทำหน้าที่ของเราอย่างคงเส้นคงวา
ส่วนยืนยันหรือไม่ว่าการอภิปรายในครั้งนี้ไม่เสียของ นายณัฐพงษ์ ระบุว่าไม่เสียของอย่างแน่นอน หลายอย่างที่เรานำเสนอ จะมีการดำเนินการต่อแน่นอน ขอให้รัฐบาลตั้งรับไว้ให้ดีข้อมูลที่เรามีบางอย่างนายกฯยังตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะถูกลอยโดดเดี่ยวอีกหรือไม่ เพราะมีสส.จากพรรคฝ่ายค้านไปโหวตเห็นชอบให้นายกฯดำรงตำแหน่งต่อ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราไม่สามารถไปควงคุมเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ เราไม่ได้กลัวอะไรเราสิ่งที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เราคืออำนาจสูงสุดของประเทศนี้เราเชื่อว่าเป็นของประชาชน ฉะนั้น เกมการเมืองในสภาแต่ละพรรคจะว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเขา
เมื่อถามว่ามีการประเมินอายุรัฐบาลชุดนี้ไว้อย่างไรบ้างนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราประเมินแทนนายกฯ หรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ แต่สิ่งที่ตนพูดได้แทนประชาชนคือ หากน.ส.แพทองธาร ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ อายุของประชาชนคนไทยจะสั้นลงทุกวัน
ส่วนที่ช่วงเช้านายกฯได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะอยู่ครบวาระ และนำพาประเทศให้ดีขึ้นกว่าเดิมนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่นายกฯยังตอบชี้แจงพวกเราไม่ได้ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่ยังไม่แก้ไขมัวแต่อ้างว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ การทำหน้าที่ปัจจุบันของนายกฯก็ยังไม่ดีพอ ส่วนปัญหาในอนาคตก็ยังยืนยันว่าตราบใดที่น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯที่ขาดคุณสมบัติที่ดีเพียงพอ ต้นทุนของประเทศที่เสียไปคงไม่มีอะไรมาแลกได้ ไม่อยากให้นายกฯอยู่ครบวาระ
ส่วนเรื่องที่รัฐมนตรีชี้แจงประเด็นส่งชาวอุยกูร์ จะมีการรีแอคชั่นจากต่างประเทศหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่สิ่งที่เราต้องยึดมั่นคือหลักการสากล เราไม่ควรดำเนินการนโยบายต่างประเทศ ไปเข้าข้างกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ประเด็นชาวอุยกูร์สิ่งที่สำคัญคือกระบวนการที่จะทำอย่างไรไม่ให้ประเทศไทยเหมือนเข้ากระบวนการฟอกขาวของอีกประเทศหนึ่ง ต้องมีความอิสระของคณะทำงานที่ไปตรวจสอบ