ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด หรือ PPC บริษัทในกลุ่มเหล็กสหวิริยา ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ “เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” (Blue Economy) เพื่อขยายขีดความสามารถทางธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกเหนือจากการให้บริการแก่กลุ่มเหล็กสหวิริยา ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของท่าเรือ โดยมีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

โดย นายจิร  โชตินุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด เปิดเผยว่า  บริษัทได้วางกลยุทธ์ 4 ด้าน ที่จะเป็นแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 เพื่อต่อยอดศักยภาพท่าเรือ ได้แก่ 1. การขนส่งสินค้า – เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนถ่ายสินค้าและโลจิสติกส์ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น 2. กิจกรรมนอกชายฝั่ง – ขยายบริการสนับสนุนอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง เช่น อุตสาหกรรมพลังงานทางทะเลและการเดินเรือ 3. การจัดการของเสีย – บริหารจัดการของเสียจากกิจกรรมทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม 4. การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล – รักษาสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจกับการดูแลทรัพยากรทางทะเล

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้แบ่งโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 3 หน่วย ได้แก่ Blue Transport สำหรับธุรกิจขนถ่ายสินค้า, Blue Offshore สำหรับบริการนอกชายฝั่ง และ Blue Conservation สำหรับงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ซึ่งท่าเรือประจวบจะเดินหน้าใช้ศักยภาพและความพร้อมของท่าเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งเน้นธุรกิจทั้งบนชายฝั่งและนอกชายฝั่ง ที่สามารถใช้ท่าเรือประจวบและพื้นที่หลังท่าเรือเป็นศูนย์กลางหลัก ไม่ว่าจะเป็นบริการขนถ่าย ฝากเก็บ และการขนส่งทางทะเลด้านอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการขนถ่ายสินค้าปกติ และการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ เช่น การขนส่งสินค้า กิจกรรมนอกชายฝั่ง การบริหารจัดการของเสีย และการรักษาระบบนิเวศทางทะเล โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจกับความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของท่าเรือ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) 

พร้อมกันนี้ นายจิร กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่าเรือประจวบตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นท่าเรือสินค้าเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทยฝั่งตะวันตก ด้วยขนาดหน้าท่าที่มีความลึก 15 เมตร (MSL) รองรับเรือขนาดสูงสุด 110,000 เดทเวทตัน (DWT) โครงสร้างท่าเรือได้รับการออกแบบให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมทางทะเล โดยมีเขื่อนกันคลื่น (Break Water) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจอดเทียบท่าและขนถ่ายสินค้า ด้วยที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ ท่าเรือประจวบสามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงาน การประมง และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสีน้ำเงิน จึงเป็นการดึงศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน หนุนไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางทะเล

ส่วนกลยุทธ์ Blue Economy เป็นแนวคิดเศรษฐกิจที่มุ่งใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง การท่องเที่ยวทางทะเล และพลังงานหมุนเวียนจากทะเล

สำหรับประเทศไทย การพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงินมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมพลังงานทางทะเล ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต ดังนั้นการที่บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด หรือ PPC บริษัทในกลุ่มเหล็กสหวิริยา ปรับกลยุทธ์สู่ Blue Economy นอกจากจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ แล้ว ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น