นนทบุรี สาวใหญ่ร้องทนายดังถูกรถพ่วงชนท้ายรอดตายเพราะแขวนหลวงปู่ทวดขณะที่ประกันชั้น 1 รถคู่กรณีกลับไม่จ่ายตามที่เรียกร้อง

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี น.ส.ญัฐธัญ บุญส่ง อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานต่างๆ พร้อมภาพจากกล้องหน้ารถ เขาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของคดีที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคู่กรณี ซึ่งมีประกันภัย ชั้น 1 แต่กับรับผิดชอบรถของตนเองไม่เต็มที่ ตามที่เรียกร้อง

น.ส.ณัฐธัญ เล่าว่า  ตนเองประกอบอาชีพ รับจ้างตัดขนสุนัขแบบเดลิเวอรี่  และจะใช้รถยนต์เก๋ง Mitsubishi รุ่น Attack สีแดง ทะเบียน กว-xxxx ลพบุรี ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัวที่ซื้อป้ายแดงมาในราคา 500,000 กว่าบาท วันเกิดเหตุ วันที่ 28 มกราคม 68 ซึ่งเป็นวันตรุษจีน ช่วงเวลาเที่ยงเศษตนและครอบครัวรวม 5 คน ได้ขับรถไปจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว ระหว่างรถวิ่งมาถึงถนนสายทุ่งสง-ห้วยยอด ก่อนถึงสี่แยกกะปาง หมู่ 3 ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช 
 ตอนนั้นสัญญาณไฟสีส้มกำลังจะเปลี่ยนเป็นไฟสีแดง ตนจึงได้หยุดชะลอรถเพื่อรอสัญญาณไฟเขียว ได้มีรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อ Isuzu สีขาว ทะเบียนส่วนหัว 70-xxxx สุราษฎร์ธานี ทะเบียนส่วนหาง 70-xxxx สุราษฎร์ธานี ซึ่งขับโดยนายธีระวัฒน์ อายุ 29 ปี ขับมาด้วยความเร็วเบรคไม่ทันพุ่งชนท้ายรถตนอย่างจัง จนท้ายพังยับเยินจากนั้นรถตนเองเสียหลักพุ่งไปด้านหน้าไปชนกับรถสิบล้อจนด้านหน้าพังยับ แต่คนในรถทั้งหมดรอดตายปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่สภาพรถพังยับเยินทั้งด้านหน้าและด้านหลัง "ตนเชื่อว่าที่ตนและครอบครัวรอดตายราวปาฏิหาริย์เกิดจากการที่ตนบูชาและห้อยหลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านคงปกปักษ์รักษาและคุ้มครองให้ตนและครอบครัวปลอดภัย จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้ 

หลังเกิดเหตุจนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่าสองเดือนแล้วตนกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆที่รถตนเอง มีประกันภัยชั้น 1 ส่วนคู่กรณีรถ 22 ล้อ ก็มีประกันภัยชั้น 1 โดยประกันภัยของตนเองก็ไม่ยอมไปเจรจาคุยค่าเสียหายกับทางฝ่ายของคู่กรณีรถพ่วง 22 ล้อ บอกให้ตนไปเจรจาพูดคุยเอาเอง ตนต้องเป็นฝ่ายพูดคุยเจรจาต่อหน้าเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.กะปาง เจ้าของคดี โดยมีการเจรจาถึง 2 ครั้งแต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ตนเองได้เรียกร้องขอให้ทางฝ่ายประกันชั้น 1 ของรถคู่กรณีชดใช้ค่าเสียหาย เพราะรถตนหากซ่อมแล้วคงกลับมาใช้งานเหมือนเดิมได้ยาก เนื่องจากสภาพรถได้รับความเสียหายอย่างมากทั้งคัน บริษัทประกันภัยของรถพ่วง 22 ล้อ มีประกันชั้น 1 ทุนประกันก็หลายล้าน แต่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ตนเองด้วยการซื้อเป็นซากรถ ตามที่ตนต้องการขายให้ไปแค่ 350,000 บาท ทั้งๆที่ตนเรียกร้องไป 550,000 ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ ตนซื้อรถคันนี้มาในสภาพป้ายแดง ถามว่าถ้าจะให้ซ่อมก็คงทำใจไม่ได้และคิดว่าคงกลับมาใช้ได้ไม่เหมือนเดิม ตนต้องผ่อนรถคันนี้อีกสามแสนกว่า อยากขอความเห็นใจให้บริษัทประกันภัยรถคู่กรณีจ่ายให้กับตนในราคาที่ตนเรียกร้องไปด้วย เพราะอย่างน้อยตนจะได้เหลือเงินสักก้อน เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปซื้อรถมือสองมาใช้ เนื่องจากหลังเกิดอุบัติเหตุตนเองได้รับความลำบากเป็นอย่างมากไม่มีรถที่จะวิ่งออกไปทำงานรับจ้างตัดขนสุนัขตามบ้านและสถานที่ต่างๆเลย

ขณะที่ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนรู้สึกสงสารเลยเห็นใจผู้เสียหายลายนี้มากเขาต้องนั่งรถเดินทางมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากต้น ก็อย่าให้ทางฝ่ายประกันภัย ดูแลรับผิดชอบในส่วนที่ เป็นไปได้ เพราะรถคู่กรณี ทั้งสองฝ่ายมีประกันชั้น 1 ทั้งคู่แต่หลังเกิดเหตุ ททางพนักงานสอบสวน ก็ยังไม่สามารถเจรจาให้ข้อยุติทั้งสองฝ่ายได้ จนเวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว ในช่วงบ่ายตนจะให้ผู้เสียหายเดินทางไปเรียนกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอคำแนะนำปรึกษาและหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายรายนี้ต่อไป