ยกให้เป็นประเทศที่มีความสุขอย่างแท้จริง เพราะรั้งอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน
สำหรับ “ฟินแลนด์” ประเทศกลุ่มนอร์ดิก (Nordic) เพราะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป
โดยประเทศแห่งนี้ ยังได้รับฉายาว่า “ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน” และต้องบอกว่า “ฟินแลนด์” มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างที่ไม่มีใครเหมือน และก็ไม่เหมือนใคร เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ บนโลกใบนี้
ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์พระอาทิตย์ไม่ตกดินเป็นเวลานานถึง 73 วัน ในช่วงฤดูร้อน และปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ไม่โผล่ขึ้นมาให้ยลโฉมเป็นเวลานานถึง 51 วัน ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งพื้นที่ที่จะเกิดสองปรากฏการณ์ข้างต้นได้นั้น ก็ต้องพื้นที่บริเวณเหนือสุดของประเทศ
ก็นับได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ หรืออะเมซิง สำหรับประเทศฟินแลนด์ได้อีกประการหนึ่ง
ว่ากันในเรื่อง “ความสุข” ของพลเมือง ตามที่ได้มีการจัดอันดับ ซึ่ง “ฟินแลนด์” ยังคงรั้งแชมป์โลก แบบไม่แบ่งให้ประเทศอื่นๆ ครอบครองตำแหน่งแชมป์มาเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และยังถือเป็นแชมป์มากที่สุดยิ่งกว่าชาติไหนๆ อีกต่างหากด้วย คือ 8 สมัยติดต่อกัน ซึ่งมีขึ้นตามการรายงานที่มีชื่อว่า “รายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ซึ่งเป็นรายงานที่จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นต้นมาถึงปี 2025 (พ.ศ. 2568) ก็ 13 ปีแล้ว
โดยประเทศที่ขึ้นแท่นแชมป์อันดับ 1 ของโลกในรายงานความสุขโลกเป็นปีแรก เมื่อปี 2012 นั้น ก็คือ “เดนมาร์ก” ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่ง “เดนมาร์ก” เจ้าของฉายา “แดนโคนม” แห่งนี้ ก็คว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาได้รวมแล้ว 3 สมัยด้วยกัน คือ นอกจากปี 2012 แล้ว ก็เป็นปี 2013 (พ.ศ. 2556) และปี 2016 (พ.ศ. 2559)
ตามมาด้วย “นอร์เวย์” ก็คว้าตำแหน่งแชมป์อันดับ 1 ของโลกในปี 2014 (พ.ศ. 2557) และในปี 2017 (พ.ศ. 2560)
ส่วนในปี 2015 (พ.ศ. 2558) แชมป์อันดับ 1 ของโลก ตกเป็นของ “สวีเดน”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย นอร์ดิก ตอนเหนือของทวีปยุโรป มักจะได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศที่มีความสุขในโลก หรืออยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความสุขแถวหน้าของโลก
สำหรับ การดำเนินการสำรวจเพื่อจัดอันดับ ก็ใช้วิธีการสำรวจความคิดเห็น โดยผู้ที่ดำเนินการสำรวจ ได้แก่ “แกลลัพ อิงค์” หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม “แกลลัพโพลล์” นั่นเอง อันเป็นบริษัทด้านการวิเคราะห์และให้คำปรึกษาระหว่างประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา
โดยทางแกลลัพ ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้คนในพื้นที่กว่า 140 ประเทศ โดยมีหัวข้อคำถาม เพื่อได้รับคำตอบมาเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับความสุขของแต่ละประเทศ ได้แก่ สถานะทางเศรษฐกิ รวมถึงตัวเลขจีดีพีต่อหัวที่แท้จริง การสนับสนุนทางสังคมเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้านสวัสดิการ การศึกษา ระบบสาธารณสุขที่ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง การมีเสรีภาพ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือการเอื้ออาทรระหว่างกันขอผู้คนในสังคม และการที่ประชาชนรับรู้การทุจริตคอร์รัปชันภายในประเทศของตน
ทั้งนี้ ทาง “แกลลัพ” ยังได้ประชาชนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ได้ประเมินและให้คะแนนชีวิตของพวกเขาแบบเฉลี่ยโดยรวมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือ ระหว่างช่วงปี 2022 (พ.ศ. 2565) จนถึงปีสิ้นปี 2024 (พ.ศ. 2567) ก่อนที่ทาง “แกลลัพ” จะจัดทำเป็นรายงาน และเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้
ผลปรากฏว่า “ฟินแลนด์” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเบอร์ 1 ของโลกอีกสมัยเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน
เหตุปัจจัยที่ทำให้ “ฟินแลนด์” รั้งแชมป์แบบไม่แบ่งให้ใครเลยมาเป็นเวลาถึง 8 ปี 8 สมัยติดต่อกันนั้น ก็มีการวิเคราะห์กันเป็นหลายประการด้วยกันว่า
โดยเบื้องต้น ก็มาจากนโยบายของทางการฟินแลนด์ นั่นเอง ที่กำหนดให้เรื่องของ “ความสุข” นั้น เป็นเรื่องของ “นโยบายรัฐ” คือ รัฐบาลแต่ละชุดที่ขึ้นมาบริหารปกครองประเทศ ต้องกำหนดให้เรื่องความสุขของประชาชนนั้นเป็นหนึ่งในนโยบายของทางการด้วย
เมื่อความสุขเป็นนโยบายรัฐ ก็จะทำให้รัฐดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสุขตามนโยบายที่วางไว้ ก่อนที่จะมีการสร้างสรรค์ขึ้น และต้องมีเป้าหมายในเชิงนโยบายของรัฐด้วย ซึ่งทางการฟินแลนด์ ไม่เชื่อว่า ความสุขเกิดขึ้นได้เอง หรือเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เริ่มจากการวางฐานราก ในระดับ “โครงสร้างพื้นฐาน” กันเลยทีเดียว เรียกกันว่า “โครงสร้างพื้นฐานแห่งความสุข” ซึ่งเป็นการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆ พัฒนาปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคกัน เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง อย่างไรอย่างนั้น
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ฟินแลนด์ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งความสุขอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนชาวฟินแลนด์ บังเกิดความพึงพอใจ
อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์ ระบุด้วยว่า การที่ฟินแลนด์มีระบบโครงสร้างพื้นฐานแห่งความสุขที่ว่านั้นได้ ก็มาจากระบบการเมืองที่ดีของฟินแลนด์เองด้วย จนกล่าวได้ว่า ระบบการเมืองที่ดี ซึ่งมีธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส มีระบบตรวจสอบ ถ่วงดุล และมีเสถียรภาพ การปกป้องสิทธิของประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยหลักนิติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ก็จะส่งผลให้ระบบการเมืองของฟินแลนด์ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ในอันที่จะก่อความสุขแก่ประชาชน ในการดำรงชีวิต การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือไลฟ์สไตล์ รวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่างๆ และการสร้างสถาบันทางสังคมทั้งหลาย ให้เป็นไปอย่างสุขใจ อิ่มเอิบใจ และพึงพอใจตามมา