สาวรับจ้างกรีดยางหลงกลแก๊งคอลฯล้วงข้อมูลจนตกเป็นผู้ต้องหา
สะเทือนใจหญิงสาววัย 36 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา อยู่แต่ในป่าเขาไม่ได้ออกสังคม หลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกอุบายอ้างเป็นทนายความของเครือข่ายให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ข่มขู่ให้กลัวจนล้วงข้อมูลเอาไปใช้กระทำความผิด สุดท้ายต้องตกเป็นผู้ต้องหามีผู้เสียหายสูญเงินจำนวน 5 แสนบาท
วันที่ 23 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 สั่งการให้ พ.ต.อ.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ ผกก.3 บก.สอท.5 ให้ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 ออกสืบสวนติดตามจับกุม ผู้กระทำผิดในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ณรภณ วัฒนะกรทวี ผกก.กก.2 บก.ทท.3 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 ร.ต.อ.คณิศร บุญสิน รอง สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 , ด.ต.ยุทธพงค์ เรืองดำ ผบ.หมู่ ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 ,ด.ต.สิงหา นิรัญชอน ผบ.หมู่ ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3
ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ธิดารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี หมู่ที่ 7 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 114/2568 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบ
และข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้ เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดย มิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น, กระทำด้วยประการใด เพื่อให้การทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มี เจตนาใช้เพื่อกิจการของตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น สามารถสอบสวนจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร
โดยเบื้องต้น น.ส.ธิดารัตน์ ให้การทราบว่า เมื่อหลายเดือนก่อนมีโทรศัพท์โทรเข้ามาปลายสายเป็นเสียงผู้ชายโดยอ้างว่า เป็นทนายของ เครือข่ายให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ (AIS) ถามว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ของคุณพงษ์ศักดิ์ไหม ซึ่งเป็นพ่อของน.ส.ธิดารัตน์ คนที่อ้างเป็นทนายบอกว่า นายพงษ์ศักดิ์ได้ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่สุราษฎร์ธานีลักษณะว่าเอาเบอร์ไปทำสิ่งผิดกฎหมายไว้ โดยทางฝ่ายปลายสายที่อ้างเป็นทนายพุดถึงข้อมูลส่วนตัวได้ถูกต้องทั้งหมด ชายที่อ้างว่าเป็นทนาย บอกอีกว่าให้พ่อของน.ส.ธิดารัตน์ ไปแจ้งความที่สุราษฎร์ฯ ทางด้านน.ส.ธิดารัตน์ บอกไปว่าจะไปยังไงรถก็ไม่มีใช้ทางบ้านความเป็นอยู่ลำบาก ชายคนดังกล่าวบอกว่าถ้างั้นให้น.ส.ธิดารัตน์ เป็นตัวแทนพ่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไหม
หลังจากนั้นชายปลายสายให้แอทไลน์ สภ.เมืองสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นคนละคนกับที่โทรคุย ในไลน์เป็นภาพชายใส่ชุดตำรวจ แล้วขอข้อมูลส่วนตัวกับให้ถ่ายรูปบัตรประชาชนแนบกับในหน้าของน.ส.ธิดารัตน์ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดสนทนาไม่พูดถึงเรื่องเงินหรือหมายเลขบัญชีเลยแม้แต่น้อย แต่ได้ข้อมูลส่วนตัวไปหลังจากนั้นก็ไม่มีใครโทรติดต่อมาอีกเลยจนกระทั่งมีหมายจับศาลจังหวัดเลย ซึ่งมีผู้เสียหายในจังหวัดเลยถูกหลอกสูญเงินประมาณ 5 แสนบาท
จากการสอบถามน.ส.ธิดารัตน์ เพิ่มเติม เล่าว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างกรีดยางพาราที่บ้านอยู่อาศัยด้วยกัน 4 คน มีพ่อแม่ตนและลูกชายวัย 2 ขวบเศษ คาดว่าครั้งนั้นอาจถูกกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล้วงเอาข้อมูลของตนไปหลอก หลังจากนี้ก็ไม่รุ้จะยังไงต่อเพราะทางบ้านมีอาชีพแค่รับจ้างกรีดยางเท่านั้น
..