วันที่ 21 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 20 มี.ค.68 ร.ต.อ.เริงศักดิ์ ชาติสุขศิริเดช รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ม.3 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.ปะนาเระ ทราบ พร้อมนำกำลังเข้าไปที่เกิดเหตุ ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้กั้นเชือกโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุและไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ทราบชื่อ นายมะรอนิง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี สภาพศพสวมเสื้อเชิตแขนสั้น นุ่งโสร่ง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบและขนาด เข้าที่ศีรษะ จำนวน 2 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกำลังกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน โดยที่ภรรยาและหลานชาย อายุ 15 ปี อยู่ในบ้าน ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 5 คน แต่งกายชุดดำปกปิดใบหน้า พร้อมอาวุธปืนสงคราม จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คันเป็นพาหนะขับมาจอดหน้าบ้านแล้ววิ่งไปหาผู้ตาย ก่อนจะจับตัวไว้และมัดมือไขว้หลัง แล้วใช้อาวุธปืนยาวข่มขู่ ทันใดนั้นหลานชายของผู้ตายซึ่งอยู่ภายในบ้านเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้าไปพยายามจะช่วย แต่ถูกหนึ่งในคนร้ายทำร้ายและขู่ว่าจะยิง ทำให้หลานชายต้องวิ่งเข้าไปบอกย่าซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายที่อยู่ในบ้าน จากนั้นภรรยาได้วิ่งออกไปดูหวังจะช่วยผู้ตาย แต่คนร้ายชักอาวุธปืนสั้นจ่อยิงผู้ตายทันที 2 นัดเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถ จยย.เร่งเครื่องหลบหนีไป
จากนั้นเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (21 มี.ค.) หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก. สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและชุดสืบสวนสอบสวนเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลติดตามจับกุมคนร้าย ปรากฏว่าพบกระสุนปืนอาก้าจำนวน 3 นัดตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุปรากฏว่าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายน่าจะพุ่งเป้าไปที่ผู้ตาย ลักษณะในการก่อเหตุคนร้ายได้จับผู้ตายมัดมือไขว้หลัง และพยายามจะซักเอาอะไรบางอย่างจากผู้ตาย แต่ถูกหลานชายผู้ตายวิ่งออกจากบ้านได้เข้าไปพยายามจะช่วยผู้ตาย แต่ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายและหนีไปหลังบ้าน และจากพฤติกรรมของคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสร้างสถานการณ์