วันที่ 20 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ  นายอิทธิพร  บุญประคอง  ประธานกรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการฮั้วเลือก สว.ที่หลายฝ่ายอยากให้ดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ว่า กกต.ดำเนินการไม่ชักช้า จะพยายามรีบเร่ง แต่ต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวทั้งผู้ร้อง   และผู้ถูกร้อง เปิดโอกาสให้ได้รับทราบและชี้แจ้งข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน การตรวจสอบบางครั้งใช้เวลาเพราะเกี่ยวข้องกับหลายคน หากมีพยานหลายคน หรือมีข้อสงสัย มีผู้เกี่ยวข้องเยอะเป็นร้อยคนก็ต้องใช้เวลา ถ้าไปสรุปก็จะไม่ได้รับความยุติธรรม  หรือถ้าเร่งดำเนินการและเรื่องมาถึงสำนักงาน  เลขาฯกกต.เห็นว่าการสอบสวนไม่ครบถ้วน อาจจะสั่งให้ไปสอบเพิ่มเติม  เมื่อมาถึงคณะอนุกรรมการไต่สวน ก็อาจจะบอกว่าประเด็นนี้ยังไม่มีความชัดเจนอาจให้ไปทำเพิ่ม  มาถึงกกต.ก็มีหลายกรณีที่บอกว่าต้องไปสอบเพิ่มอีก  ซึ่งกระบวนการก็จะเร่งรัดอยู่เสมอว่าทำโดยไม่ชักช้า แต่ไม่กระทบสิทธิผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่าระยะเวลาในการเลือก สว.ผ่านมาเป็นระยะเวลานาน จะเป็นอุปสรรคหรือมีข้อจำกัดในการรวบรวมพยานหลักฐานในการตรวจสอบการฮั้ว สว.ด้วยหรือไม่   นายอิทธิพร    กล่าวว่า กกต.เริ่มรับคำร้อง หลังการเลือกระดับอำเภอเมื่อ 9 มิ.ย.2567 เมื่อรับเรื่องกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น   แต่ถ้าเมื่อมาร้องหลังการเลือก  สว. การรวบรมพยานหลักฐานก็จะยากขึ้น    หากมีพยานบุคคลที่ต้องสอบเยอะก็ต้องใช้เวลา   เพราะถ้าไม่ครบจะไม่เกิดความยุติธรรมกับใคร

เมื่อถามอีกว่า คณะสว.สำรองไปร้องให้ตรวจการทำหน้าที่ของนายแสวง บุญมี  เลขาฯกกต. ตามมาตรา 157  นายอิทธิพร กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของทุกคน เพราะว่ากกต.ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ หรือสำนักงาน เจ้าหน้าที่ ถ้าปฏิบัติหน้าที่แล้วคนอื่นหรือใครก็ตาม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง   ก็เป็นสิทธิของเขาที่จะใช้สิทธิ    หากทำตามกฎหมายก็สามารถชี้แจงได้

เมื่อถามว่ากรณีการตรวจสอบการฮั้ว สว. ไม่ใช่ถือเรื่องไว้ ให้ผ่านไปปีหนึ่ง แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ยกเรื่องไปใช่หรือไม่   นายอิทธิพร  กล่าวว่า ทุกอย่างที่ทำอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น  

ส่วนกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะตรวจสอบ จะทำให้การทำงานของกกต.ล่าช้าหรือไม่ หรือยังอยู่ในกรอบเวลา  นายอิทธิพร  ระบุว่า อำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน  การกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายสว. เป็นหน้าที่ของ  กกต. การกระทำใดที่เป็นความผิดตามกฎหมายอื่นก็เป็นหน้าที่หน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย  จะไม่เกี่ยวกัน 

เมื่อถามย้ำว่าการดำเนินการจะไม่ล่าช้าไปกว่าดีเอสไอ เพราะดีเอสไอเพิ่งตั้งเรื่อง ถ้าเขาเสร็จก่อนจะไม่เป็นการเสียหน้าใช่หรือไม่   นายอิทธิพร กล่าวว่า ดีเอสไอเพิ่งแจ้งให้ กกต.ทราบว่ามีผู้มาร้อง   เกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย  สว. กกต.ก็มาดูว่าเรามีมติให้รับมาทำเอง เรารับด้วยเหตุผลที่ว่าความปรากฎต่อ  กกต.มีผู้มาร้องต่อดีเอสไอ  จึงรับมาทำเอง ด้วยเหตุความปรากฎตามกฎหมาย  และกกต.ก็สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ดีเอสไอทำนำมารวมกันกับที่  กกต.พิจารณา ซึ่งมี 3 เรื่องที่อยู่กับดีเอสไอ  โดยคำร้องการเลือกสว.ฝ่าฝืนตามมาตรา 77 (1)   หรือที่เรียกว่าฮั้ว มีผู้มาร้องต่อ  กกต.ทั้งสิ้น 220 เรื่อง และ  กกต.จะรับจากดีเอสไออีก 3 เรื่อง เมื่อรับมาแล้วก็ตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นคณะสืบสวนไต่สวนร่วมกับ กกต.ด้วย   เมื่อทำเช่นนี้แล้วก็มีความมั่นใจว่ากระบวนการไม่ได้เริ่มต้นจากหนึ่ง  แต่จะดำเนินการต่อเนื่องจาก 3 เรื่อง ของดีเอสไอ

เมื่อถามว่าคำร้อง 220 เรื่อง มีหลักฐานอะไรที่จะมองได้ว่าเป็นการฮั้วเลือก สว. นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องยังไม่ถึงที่ประชุม กกต. บางเรื่องก็มาถึงแล้ว แต่หลักฐานไม่ชัดเจน ยังไม่ถึงขั้นจะเป็นการฮั้ว แต่ดูแล้วเรื่องที่จะเข้าข่ายการฮั้วมี 27 เรื่อง แต่เรื่องยังมาไม่ถึงที่ประชุม  กกต. เมื่อมาถึงแล้ว กกต.ก็สามารถพูดได้ว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอในการตัดสินหรือไม่ จะต้องสอบสวนต่อ  เพราะถ้าเป็นการฮั้วก็จะทราบดีว่าจะทำเป็นกระบวนการใช้คนเยอะ

ดังนั้นพยานบุคคล และผู้สอบก็มีเยอะ ถ้าสอบสวนมีการนัดแล้ว  แต่เจ้าตัวไม่สะดวกก็ต้องนัดใหม่  ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะต้องใช้เวลา   แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ช้าต้องทำให้เร็ว เพราะ กกต.กำหนดกรอบเวลาไว้แล้ว ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้แล้วเสร็จด้วยความรวดเร็ว  แต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำให้เสร็จเร็วได้ เพราะจะกระทบกับความยุติธรรม   ส่วนเรื่องการกันบุคคลไว้เป็นพยาน   หรือขอความคุ้มครอง ขณะนี้ยังไม่มีพยานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก สว. และไม่คิดว่าจะมี เพราะถ้ามีต้องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็น