เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ให้การต้อนรับกองสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในโอกาสเข้ามาศึกษาดูงานโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “แนวทางการสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างการรับรู้” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการสื่อสารข้อมูล การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร โดยมี อาจารย์กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช Head of Corporate Communications มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ , ผศ.ศิวนารถ หงษ์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ , ดร.พันธกานต์ ทานนท์ รองคณบดีกลุ่มวิชาการ และอาจารย์อานนท์ บัวภา ผู้ช่วยหัวหน้าหลักสูตรการสร้างสรรค์ดิจิทัลคอนเทนต์และสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ ให้การบรรยายและต้อนรับ ณ ห้องประชุม 6-1 อาคารอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

อาจารย์กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช Head of Corporate Communications ของ DPU กล่าวต้อนรับพร้อมบรรยายหัวข้อ “การสร้างภาพลักษณ์และการผลิตข่าวประชาสัมพันธ์” โดยกล่าวถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ด้วยกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ที่ทันสมัย โดยอาศัยการสร้างเนื้อหาในโลกออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการกระจายข่าวสาร เพื่อส่งเสริมต่อการค้นหาข้อมูลของคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้การสื่อสารองค์กรที่ดียังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างพลังบวกให้กับผู้ปฏิบัติงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ด้านอาจารย์อานนท์ บัวภา ผู้ช่วยหัวหน้าหลักสูตรการสร้างสรรค์ดิจิทัลคอนเทนต์และสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แชร์ “เทคนิคการสร้าง TikTok ให้ปัง” ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์บน TikTok ประสบความสำเร็จ คือ การดึงดูดความสนใจภายใน 3 วินาทีแรก ผู้ผลิตเนื้อหาต้องสามารถสร้างจุดดึงดูดที่น่าสนใจได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำถามที่กระตุ้นความคิด การนำเสนอเรื่องราวที่สร้างอารมณ์ร่วม หรือการใช้เทคนิคด้านภาพและเสียงให้เกิดความโดดเด่น นอกจากนี้การเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละแพลตฟอร์มก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ Instagram นั้นเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและสามารถใช้ Story เป็นเครื่องมือแจ้งเตือนและกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้ดี ขณะที่ Facebook ยังคงเหมาะกับการสื่อสารที่เป็นทางการและการตลาดที่ต้องการสร้าง Brand Awareness ระยะยาว

ส่วนในแง่ของการผลิตเนื้อหา อาจารย์อานนท์ แนะนำว่า เนื้อหาที่ดีที่สุดคือ การสะท้อนตัวตนของผู้สร้าง เพราะเมื่อผู้สร้างคอนเทนต์เลือกทำในสิ่งที่ตนเองรักและสนใจ ก็จะสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย อีกทั้งยังช่วยให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากคอนเทนต์อื่น ๆ ในตลาด เช่น การสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรกหรือความถนัดส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ กีฬา หรือเรื่องราวในชีวิตประจำวัน สามารถนำมาเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและสามารถเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง

“การใช้ Hashtag เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของเนื้อหา อีกทั้งการตามเทรนด์หรือกระแสบน TikTok ก็เป็นกลยุทธ์สำคัญเพราะแพลตฟอร์มนี้มีกระแสใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลงยอดฮิต ชาเลนจ์ หรือมุกตลกต่าง ๆ สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับเนื้อหาของตนเองได้อย่างสร้างสรรค์ ที่สำคัญการสร้างความมีส่วนร่วมกับผู้ชมผ่านการตอบคอมเมนต์ หรือการเล่นชาเลนจ์ต่าง ๆ เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ผู้ติดตามรู้สึกใกล้ชิดกับผู้สร้างเนื้อหามากขึ้น ส่งผลให้เกิด Engagement ที่สูงขึ้นและเพิ่มโอกาสที่วิดีโอจะถูกแนะนำไปยังกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น” อาจารย์อานนท์ กล่าว

สำหรับงานสื่อสารในแง่บุคคลของอาจารย์อานนท์ อาจารย์ได้พบว่า คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือวิดีโอที่ถ่ายทอดบรรยากาศในห้องเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชมให้ความสนใจกับคอนเทนต์ที่มีความเป็นธรรมชาติและสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชันที่ซับซ้อน เพียงแต่ต้องมีการวางแผนที่ดีและรู้ว่าผู้ชมต้องการอะไร เช่น การสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของนักศึกษา การใช้เพลงประกอบที่ดึงดูด หรือการนำเสนอเนื้อหาในเชิงอารมณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้ชมได้อย่างแนบเนียน

“สุดท้ายไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการสร้างคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือการสนุกไปกับกระบวนการสร้างสรรค์และเปิดรับการทดลองแนวทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องเกิดจากความเข้าใจในตัวตนของผู้สร้างเอง และสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับผู้ชมได้อย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อผู้สร้างมีความสุขกับการทำคอนเทนต์ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะสามารถดึงดูดผู้ชมได้โดยธรรมชาติ” อาจารย์อานนท์ กล่าว

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรพงษ์ วงษ์ปาน ผู้อำนวยการกองสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย อธิบายถึงการมาศึกษาดูงานครั้งนี้ว่า ด้วยบทบาทที่เปลี่ยนไปจากการประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิมมาเป็นการตลาดเชิงรุก องค์กรของเราได้ปรับกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงานให้เหมาะสมกับบริบทของตลาดปัจจุบัน โดยพยายามนำแนวคิดและกลยุทธ์ทางการตลาดของภาคเอกชนมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าและผู้สนใจ

แม้ว่าการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรการศึกษาจะมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับภาคเอกชน โดยเฉพาะในด้านงบประมาณและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน แต่ทีมงานได้พยายามศึกษารูปแบบการตลาดของภาคเอกชนและปรับแนวทางให้เข้ากับองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการปรับกลยุทธ์คือการศึกษาลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย โดยทีมงานได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มผู้สนใจเพื่อกำหนดแนวทางการสื่อสารที่เหมาะสม จากการศึกษา พบว่ากลุ่มเป้าหมายหลักขององค์กรประกอบไปด้วยผู้ที่ต้องการเข้าถึงการศึกษาในพื้นที่และผู้ที่มองหาทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเององค์กรได้พัฒนาแนวคิด "การศึกษาใกล้บ้านคุณ" เพื่อสะท้อนจุดแข็งของสถาบันการศึกษาและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนใจ อย่างไรก็ตาม การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยการทำงานเชิงกลยุทธ์และการสร้างจุดขายที่ชัดเจน

ส่วนการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มโอกาสในการดึงดูดนักศึกษาใหม่ องค์กรได้ทดลองใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัล เช่น โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัดผลกระทบของแคมเปญการตลาด โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มการมองเห็น (visibility) และการมีส่วนร่วม (engagement) ของกลุ่มเป้าหมาย

“แม้ว่าการประชาสัมพันธ์ยังคงมีความสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร แต่ทีมงานได้พัฒนาแนวทางการตลาดที่มีความเชิงรุกมากขึ้น โดยมีการประสานงานกับสำนักข่าวภูมิภาคและสื่อท้องถิ่นเพื่อเพิ่มการรับรู้ในพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์กิจกรรมสำคัญ ทีมงานยังได้ศึกษาแนวทางการดำเนินงานของภาคเอกชนและทดลองใช้กลยุทธ์ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ เช่น การโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและการใช้ข้อมูลวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรพงษ์  กล่าว

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการกองสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ยังระบุอีกว่า องค์กรได้ดำเนินการวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดที่ใช้ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและระบุจุดที่ต้องปรับปรุง การทดสอบแนวทางต่าง ๆ ช่วยให้ทีมงานเข้าใจว่ากลยุทธ์ใดที่เหมาะสมและสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยหนึ่งในข้อค้นพบสำคัญคือ การใช้แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์บางประเภทอาจไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายขององค์กรยังคงเป็นกลุ่มที่ต้องอาศัยการเข้าถึงแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น การเรียนรู้จากการทดลองใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลช่วยให้ทีมงานสามารถกำหนดแนวทางที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันและดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

หลังการบรรยายเสร็จสิ้น มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้พาทีมศึกษาดูงานของกองสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เยี่ยมชมห้องสตูดิโอ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมี ผศ.ศิวนารถ หงส์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ ให้การต้อนรับ โดยผู้มาเยี่ยมชมได้ทดลองเป็นผู้ประกาศข่าว และการพากษ์เสียงการ์ตูน

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ขวัญฤทัย  ครองยุติ รองผู้อำนวยการกองสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ได้เห็นถึงกระบวนการการประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่เป็นมืออาชีพ ได้เห็นรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลาย และได้รับประสบการณ์ที่ได้ทดลองกับห้องเรียนจริงๆ ทำให้รู้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากๆ สิ่งที่จะนำไปต่อยอดคือการนำประสบการณครั้งนี้ไปพัฒนารูปแบบการประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายให้ทันสมัย ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

​​​​​​​ ​​​​​​​