“นายกฯอิ๊งค์” ลั่น โอเค ฝ่ายค้านใช้คำ "บุคคลในครอบครัว" แทน “ทักษิณ” ในญัตติซักฟอก ไม่แปลกใจฝ่ายค้านโหมโรง “ดีลแลกประเทศ” ชี้แค่ทำให้น่าสนใจ ดินเนอร์ 21 มี.ค.จะกำชับเอกภาพพรรคร่วม ลั่นอภิปรายคนเดียว 2 วันน่าจะจบ ด้าน “เพจพท.-ปชน.” เปิดศึกว่อนโซเชียล ปมซักฟอก ด้าน “ชูศักดิ์” ชี้ “ฝ่ายค้าน” ตัดชื่อ “ทักษิณ” พ้นญัตติซักฟอก ใช้ “คนในครอบครัว” ไม่เป็นผลลบ “นายกฯอิ๊งค์” เตือนพาดพิงคนนอกเสียหายถูกฟ้องได้ ส่วน “ทวี”ลั่นพร้อมช่วย“นายกฯ”แจงปมชั้น 14 ส่วน “ศาลอาญา” รับคดี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่น “หมอวรงค์” ปูดถุงขนม 2,000 ล้าน ภาค 2 นัดสอบคำให้การ 26 พ.ค.นี้ ส่วนอีก 4 กรรมยกฟ้อง
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยขีดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง แล้วใช้คำว่า "เป็นบุคคลในครอบครัว" โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้หมด เป็นไปตามกระบวนการ ตามเอกสารอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนหากทำขั้นตอนถูกก็โอเคอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงเรื่องกรอบเวลาที่ฝ่ายค้านมองว่านายกรัฐมนตรีไฟเขียวที่ 30 ชั่วโมง แต่ระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านยังถกเถียงกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็น 30 ชั่วโมงที่ต้องแบ่งกัน โดยวิปจะไปคุยกัน และในที่ประชุม ครม.ก็มีการคุยกันเรื่องวาระการประชุมสภา ว่าในวันพรุ่งนี้และตกลงกันเรื่องจำนวนชั่วโมง
เมื่อถามว่าหากเป็น 30 ชั่วโมงของฝ่ายค้านอย่างเดียว มองว่ามากไปหรือไป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอภิปรายคนเดียวก็อาจจะไม่ค่อยเมกเซนส์เท่าไหร่ แต่กระบวนการในสภาก็ต้องว่ากันไป ให้ทางวิปตกลงกัน ตนไม่ได้ไปตกลงด้วย
ส่วนการนัดดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 21 มีนาคมนี้ จะมีการกำชับอะไรเป็นพิเศษเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพหรือไม่ นายกรัฐมนตรียอมรับว่ามี มีการคุยกันอยู่แล้วว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร จะแบ่งเบากันได้อย่างไร จริงๆ แล้วในการอภิปรายคนเดียว หรือวงเล็บ 2 คน ก็ต้องมีเกี่ยวกับกระทรวงอื่นๆ อยู่แล้ว ต้องเต็มที่ ทุกกระทรวงก็ต้องช่วยกัน
ส่วนกรณีฝ่ายค้านทำโปสเตอร์โหมโรง “ดีลแลกประเทศ” เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงหรือไม่ นายกถามกลับว่า “ดีลแลกประเทศ” พร้อมทำหน้านิ่งคิด แล้วตอบว่าไม่ได้แปลกใจ ก็เป็นแบบนั้นเพื่อให้ได้รับความสนใจ เป็นเรื่องธรรมดา ตามปกติ รัฐบาลก็มีเช่นกัน ไม่ได้อะไร
เมื่อถามว่าหลังจากที่ฝ่ายค้านปล่อยของออกมาตรงกับที่นายกฯ ทำการบ้านไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าจริงๆ แล้วเป็นการเตรียมข้อมูลมากกว่า การบ้านที่ทำเป็นเรื่องนโยบายของแต่ละกระทรวงว่ามีคำถามอะไรที่ฝ่ายค้านสนใจจะได้เตรียมข้อมูลมาตอบ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ก็หวังว่า 2 วันนี้จะจบ
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมาย และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรอนุญาตให้บรรจุระเบียบวาระก็ว่ากันไปตามข้อบังคับ แต่ต้องระวังในแง่การอภิปราย โดยเฉพาะการอภิปรายพาดพิงบุคคลที่สามหรือบุคคลภายนอก หากเขาได้รับความเสียหายผู้อภิปรายก็ไม่ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง และอาจจะถูกประท้วง
เมื่อถามว่า การยอมให้แก้ไขนี้คิดว่ามีผลบวกหรือผลลบต่อตัวนายกฯ เพราะไม่ได้พาดพิงแค่ตัวนายทักษิณเพียงคนเดียว แต่สามารถโยงได้ถึงบุคคลอื่นๆในครอบครัว นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ามีผลเท่าเดิม เพียงแค่ลบชื่อออก แต่ปัญหาใหญ่คือจะอภิปรายเนื้อหาสาระอะไร เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ และทำให้บุคคลภายนอกเสียหายหรือไม่ หากได้รับความเสียหายก็จะมีการประท้วง และถูกดำเนินคดีฟ้องร้องแค่นั้นเอง
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอาจมีการซักฟอกกระทรวงยุติธรรมในเรื่องชั้น 14 รวมถึงอีกหลายเรื่องว่า เราทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่สังคมอาจไม่พอใจ ต้องให้ยุติธรรมกับจิตใจด้วย เราก็จะพยายามดึงคนไม่อคติ แต่ถ้าคนอคติก็จะแก้ยาก
เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถช่วยนายกฯชี้แจงในสภาได้ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากพาดพิงถึงกระทรวงยุติธรรมก็ทำได้ ส่วนกรณีชั้น 14 นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงยุติธรรมโดยตรง ต้องตอบ
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “พรรคเพื่อไทย” โพสต์ข้อความระบุว่า “ไปไหนอ่ะ กลับมานี่ ! อย่าอภิปรายเป็นฝ่ายแค้น หลงประเด็น หลงประเทศหลงวาทกรรม หลงตัวเอง 24 มีนาคม เป็นต้นไป ฟังคำชี้แจงแสดงผลงานของ นายกฯ แพทองธารและรัฐบาล #รัฐบาลเพื่อไทย #อภิปรายไม่ไว้วางใจ”
อย่างไรก็ตาม ทางเพจเฟซบุ๊ก “พรรคประชาชน - People's Party” ได้เข้ามาคอมเมนต์ในข้อความดังกล่าวว่า “24 มีนาคม ประเทศไทยเข้าสู่ 'ลื้อดูร้อน' อย่างเป็นทางการ”
วันเดียวัน เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอาญา นัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีหมายเลขดำ อ1961/2567 ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และจำเลยคดีตามมาตรา 112 มอบอำนาจให้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 11 - 15 มิ.ย.67 จำเลยได้โพสต์ข้อความหลายข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยหมิ่นประมาท ใส่ร้ายโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำนองว่า โจทก์เป็นคนยิ่งแก่ยิ่งเลอะ หรือเฒ่าสารพัดพิษ ซึ่งมีความหมายว่า เป็นคนมีอายุมากที่มีเล่ห์เหลี่ยมอันตรายรอบตัว เป็นคนขี้โกง บุคคลอื่นต้องระวังตัวไม่ควรคบหา ใช้เล่ห์เหลี่ยมการยื่นร้องขอความเป็นธรรมคดี ม.112 ถุงขนม 2,000 ล้านภาค 2 เพื่อวิ่งเต้นให้ได้รับการประกันตัว และข้อความอื่นๆ
โดยนายวิญญัติ ระบุว่า คดีนี้เรายื่นฟ้อง และภายหลังนำพยานเข้าไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ว่าพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทั้งหมด 5 กรรม วันนี้ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้ 1 กรรม โดยเห็นว่าคำกล่าวของ นพ.วรงค์ ที่ระบุว่า หากโจทก์เดินทางมาศาลในวันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันนัดส่งตัวฟ้อง แปลว่าถุงขนมทำงาน ศาลมองว่าเป็นการหมายถึงตัวโจทก์ชัดเจน ส่วนอีก 4 กรรม ที่ศาลไม่ประทับรับฟ้องนั้น ศาลเห็นว่า ข้อความตามฟ้องยังไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง โดยหลังจากนี้ทางทีมทนายความจะคัดคำสั่งและคำพิพากษามาศึกษารายละเอียด ก่อนจะพิจารณาว่ายื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อไปหรือไม่ ส่วนกรรมที่ศาลมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง ศาลได้นัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 26 พ.ค. นี้ เวลา 09.00 น.
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาหารือ
โดยนาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาต้องช่วยในการแก้ไขภาพลักษณ์ของวุฒิสภาในปัจจุบัน เนื่องมาจากขณะนี้สาธารณะชนมีความเห็นตรงกันว่าพวกเราถูกกล่าวหา ถูกประณามว่าเป็นสว. ฮั้วบ้าง สว.อั้งยี่บ้าง ซ่องโจรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย เป็นเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจของสมาชิกวุฒิสภา แต่ไม่ช่วยชี้แจงว่าเราทำอะไรที่ดีงาม มีผลต่อสังคมอย่างมากอย่างไร ในทางกลับกันคนที่ตำหนิว่ากล่าวหา สว.ทั้งหลาย ว่าเป็นสว. กลุ่มสีนั้น สีนี้สิ่งเหล่านี้กลับได้รับการเผยแพร่อย่างมากมายในสื่อสาธารณะ ไม่มีการแก้ไขจากสำนักเลขาธิการวุฒิสภา จึงขอให้ช่วยกรุณาแก้ไขหรืออย่างน้อยเอาบรรดาสว.ที่ทำกิจกรรมดีๆ กิจกรรมเพื่อสังคมมีมากมาย แต่น้ำหนักถูกด้อยค่า
นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ขณะที่เดียวกันมีสว.บางคนด้อยค่าพวกเรากันเอง งานในหน้าที่แทบจะไม่ทำกันอยู่แล้ว มัวแต่มานั่งแก้ปัญหา ที่ถูกคนกล่าวหากันเองกันไปมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนเขาสงสัยว่า จะเป็นเรื่องจริง เพราะกล่าวหาไปเยอะแล้ว ทีแรกจะไม่ตอบโต้อะไรแต่โดนกล่าวหาจนกระทั่งทุกคนเครียด ไม่มีการตอบอะไรเลยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวุฒิสภาก็เงียบกริบ ไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย เรื่องนี้ควรที่จะพิจารณาพูดคุยกัน อย่างน้อยสว.ด้วยกันไม่ควรจะด้อยค่ากัน ทุกคนมีคุณค่าทั้งสิ้น อย่าไปด้อยค่า อย่าไปบอกว่าเราไม่ควรทำนั่นไม่ควรทำนี่ ควรให้วินิจฉัยกันก่อน อย่างนั้นเงินเดือนก็ไม่ต้องรับ เบี้ยประชุมก็ไม่ต้องรับ
“เมื่อคุณคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไร ก็ไม่ต้องรับเงินเดือน ทำงานไปฟรีๆ พิพากษาเสร็จแล้วค่อยมารับเงินเดือน อย่างนี้จะเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ขออนุญาตพิจารณาตัวเองด้วย และนอกจากพิจารณาตัวเองแล้วเราต้องคิดถึงเสียงข้างมาก อย่าไปทำอะไรให้เขาสังเกตชัดเจน ให้ช่วยกันหน่อย ตอนนี้ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีพยายามทำอะไร ให้ภาพลักษณ์ออกมาในสังคมที่ดี ต้องช่วยกัน และหวังว่าภาพลักษณ์ของพวกเราจะดีขึ้นช่วยกันส่งเสริมอะไรที่ไม่ดีเก็บไว้ในใจ คุยกันเองได้ ตอนนี้ผมมาพูดก็ยอมเสียเพื่อนไปเป็นจำนวนมาก อย่าทำอย่างนี้ขอความกรุณาด้วย ขอบคุณครับ” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว