ผู้ว่าและผู้การอุดรฯ พร้อมด้วยตร.ปราบปรามยาเสพติดแถลงจับสองหนุ่มคู่หูขนเครือข่ายนายกะปิ ตะลึงล็อตมโหฬารยาบ้า 3,410,000 เม็ด ผู้ต้องหา สารภาพงานเสี่ยงแต่รายได้งามขนผ่านได้ครั้งละ 100,000 บาท ตร.เผยเตรียมไปขายแถวนิคมอุตสาหกรรมจ.พระนครศรีอยุทธยา ลัดลอดไปได้มูลค่าสูงเป็นร้อยล้านบาท ตร.ห่วงยาบ้าทะลักก่อนเข้ามาก่อนเทศกาลสงกรานต์ไม่ถึงเดือนแล้วเร่งปราบปราม

วันนี้ (18 มี.ค.68) ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี นายราชันย์ ซุนฮั้ว ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมตร.ชุดปราบปรามยาเสพติด ได้แถลงข่าวจับกุมยาเสพติดล็อตมโหฬารจำนวนมากถึง 3,410,000 เม็ด หากเล็ดลอดพ้นการจับกุมของตร.ได้จะนำไปขายต่อมีมูลค่าสูงถึง มูลค่าประมาณ 102,300,000 บาทเลยทีเดียว การจับกุมครั้งได้ผู้ต้องหา 2 รายคือนายรุ่งฤทธิ์ หรือหนึ่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี และนายตะวัน หรือโม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาวจ.หนองคาย พร้อมรถกระบะของกลาง ยี่ห้อ D-MAX 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กต-xxxxหนองคาย ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้สำหรับขนยาเสพติด ตร. แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า” โดยตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาขณะขนยาบ้าริมถนนสาธารณะทางเข้าบ้านโพนสวรค์ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย จากนั้นพร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.สระใคร จว.หนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ก่อนตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดจับกุมยาบ้าล็อตมโหฬารครั้งนี้ได้ พ.ต.ท.ไพฑูรย์ โสนะโชติ รอง ผกก.ฯ ปรก.ฯ ชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีชายไทยชื่อนายกะปี ไม่ทราบชื่อสกุลจริง พักอาศัยอยู่ฝั่ง สปป.ลาว ว่าจ้างผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้นำยายาบ้าจากบริเวณริมแม่น้ำโขง เขตบ้านปะโค ต.เวียงคุก อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย จำนวนประมาณ 15 กระเป๋าเพื่อนำไปส่งให้กับสายลับ บริเวณริมถนนสาธารณะทางเข้าบ้านโพนสวรรค์ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย จากนั้นเจ้าหน้าตำรวจที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้วางแผนทำการจับกุม หลังจากนั้นจึงได้เดินทาง ไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุตามเวลาที่นัดหมาย พบ รถยนต์ ยี่ห้อ D-MAX 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กต-xxxx หนองคาย เข้ามาจอด และมีชายสองคนเดินลงจากรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสตงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้นจับกุม ผลการตรวจค้น พบของกลางยาบ้า จำนวน 3,410,000 เม็ด อยู่ท้ายกระบะและภายในห้องโดยสาร

ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งแถวจ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะมีคนมารับยาบ้าต่อ ได้ค่าจ้างครั้ง 100,000 บาท  ทำมาแล้ว 2 ครั้งเห็นงานเสี่ยงแต่เงินดีจึงตัดสินใจทำ ซึ่งยาบ้าล็อตมโหฬารครั้งนี้เป็นยาบ้าเครือข่ายนายกะปิ คนไทยที่ไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านสปป.ลาว  ตอนนี้ยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเริ่มทะลักเข้ามาในราชอาณาจักรไทยอย่างต่อเนื่องก่อนเทศกาลสงกรานต์ไม่ถึงเดือนแล้ว ซึ่งทราบอีกว่า ยาบ้าล็อตมโหฬารครั้งนี้จะนำไปจำหน่ายแถวนิคมอุตสาหกรรม จ.พระนครศรีอยุธยา หากเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ฯ จะนำไปขายได้ถึงร้อยล้านบาทเลยทีเดียว ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ฯ ทั้งตร.ทหาร ฝ่ายปกครอง ต้องเร่งปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นตามนโยบายของรัฐบาลฯ อย่างเร่งด่วน