กรมประมง ผุดแอปฯ “Fisheries Next” เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าถึงผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของไทย

วันที่ 18 มี.ค.68 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า รัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและแรงงานในภาคการประมงอย่างจริงจัง มีการดำเนินการและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อมของโลก เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน ดังนั้น กรมประมง จึงได้จัดทำแอปพลิเคชัน “Fisheries Next” เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อประสานงาน และป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าถึงผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของไทยว่าไม่ได้มาจากการทำการประมงผิดกฎหมาย พร้อมเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการและชาวประมงให้เติบโต   

Fisheries Next ต่อยอดมาจากแนวความคิดเดิมที่มีการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง (VMS) ให้กับเรือประมง ซึ่งเรือมีมูลค่าสูง เพื่อให้เจ้าของเรือที่อยู่บ้านและผู้ที่ทำงานในเรือก็คือ ไต๋เรือ สามารถติดตามเรือตัวเองได้ และเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย โดยมีระบบการควบคุมและศูนย์เฝ้าระวังการทำการประมงอยู่ที่กรมประมง และได้พัฒนาจนปัจจุบันเป็นแอปพลิเคชั่น  Fisheries Next สามารถบรรจุข้อมูลการดำเนินการสำคัญ 7 เรื่อง ได้แก่

1. เรือประมง เจ้าของเรือสามารถติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังการทำประมงของเรือในครอบครองที่ลงทะเบียนไว้ โดยจะมีการแจ้งพิกัดตำแหน่งเรือปัจจุบัน เส้นทางการเดินเรือย้อนหลัง 2.ยื่นคำร้องผู้ใช้งานสามารถยื่นคำร้องเกี่ยวกับเรือประมงผ่านระบบออนไลน์และติดตามสถานะคำร้องได้ด้วยตนเองตลอดเวลา 3.สามารถอัพเดททุกข่าวสารใหม่จากกรมประมง และตรวจสอบสภาพอากาศรายวันก่อนทำการประมงได้ 4.วันทำการประมง แสดงจำนวนวันทำการประมงคงเหลือของเรือแต่ละลำ และจะมีการแจ้งเตือนเมื่อวันทำการประมงคงเหลือน้อยกว่า 30 วัน 5.สถิติการจับสัตว์น้ำสามารถเรียกดูสถิติการจับสัตว์น้ำ ประวัติการจับสัตว์น้ำย้อนหลังของแต่ละรอบการแจ้งเข้า-ออกเรือประมงแต่ละลำ และสามารถเรียกดูข้อมูลย้อนหลังได้สูงสุดถึง 5 ปี 6.การติดต่อสื่อสาร สามารถติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่กรมประมงได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน 7.แสดงข้อมูลศูนย์ PIPO โดยสามารถค้นหาศูนย์ และแจ้งเรือเข้าออก เช่นนำเรือออกจากพื้นที่จังหวัดระยอง ไปทำประมงที่จังหวัดสงขลาในบางฤดู การจะนำเรือกลับมาระยอง ต้องเดินทางไกล สามารถแจ้งประสานศูนย์แจ้งเรือเข้าออกที่จังหวัดในพื้นที่นั้น โดยผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลยรวมถึงการแจ้งเตือนต่าง ๆ  เพิ่มเติมที่จะลิงท์กับข้อมูล ซึ่งอยู่ระหว่างการสื่อสารเพิ่มเติม 

ขณะเดียวกัน กรมประมงเร่งรัดให้มีการปรับปรุงกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง  พ.ศ. 2558 พ.ศ...  เพื่อการจัดระเบียบการประมงในประเทศไทยและในน่านน้ำทั่วไป ป้องกันมิให้มีการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ในภาวะที่เป็นแหล่งอาหารของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านมาเป็นพระราชบัญญัติอย่างครบถ้วน กรมประมงจะเร่งดำเนินการในการออกกฎหมายลูก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 ฉบับ  ดึงผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม คาดว่าน่าจะเสร็จใน 3-4 เดือน  ซึ่งไม่เพียงแต่ แอปพลิเคชั่น และการแก้ไขกฎหมายประมงเท่านั้น เรื่องของสิ่งแวดล้อมกรมประมงก็ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยกรมประมงให้ความสำคัญตามนโยบายรัฐบาลในการลดฝุ่น PM 2.5 คิดค้นนวัตกรรม ที่ชื่อว่า ฟางมาปลาโต หลักสำคัญก็คือแหล่งน้ำ ไม่ว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือในชุมชนต่าง ๆ  ตั้งแต่ 10 ไร่ ถึง 60 ไร่ จากนั้นไปสำรวจชุมชนที่ต้องการจะปล่อยพันธุ์ปลา 1,500 แห่ง ตั้งกรรมการชุมชนขึ้นมาดูแล จากการทดลองทำมาปีกว่า พบว่าสามารถใช้ฟางข้าวเอามาหมัก ทำเป็นแซนวิส หลักก็คือทำเป็นชั้น นำฟางข้าวใส่ไป 50 เซนติเมตร ใส่มูลวัว และก็เอาฟางข้าวมาหมักในระยะเวลา 15 วัน ฟางข้าวที่หมักในบ่อปลาทำให้เกิดแพลงตอนพืช เกิดเป็นระบบห่วงโซ่อาหาร เป็นอาหารปลา 

สำหรับพันธุ์ปลาที่ปล่อยในแหล่งน้ำจะใช้ปลา 6 ชนิด และบวกด้วยสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ กุ้งก้ามกราม ลงไปในบ่อ ซึ่งการทดลองก็พบว่าในบ่อ 10 ไร่ ถึง 60 ไร่ สามารถจับผลผลิตที่น้อยสุด ได้ถึง 4,000 กิโลกรัม มากสุดอาจจะได้ถึงเกือบ 10 ตัน ซึ่งคลิกออฟไปแล้วหลายพื้นที่ ดำเนินการไปแล้วใน 70 จังหวัด 1,500 แหล่งน้ำ ผลผลิตจะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 6 พันตัน มูลค่าไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท แต่ที่สำคัญสามารถลดการเผาฟางข้าวได้อย่างน้อยแหล่งน้ำละ 1 ตัน ฉะนั้น 1,500 แหล่งน้ำ ไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านกิโลกรัม ถือว่าเป็นโครงการลดได้ทั้งฝุ่น PM 2.5 ได้ทั้งสัตว์น้ำ ได้ทั้งความรักความสามัคคีของคนในชุมชน สร้างเศรษฐกิจในชุมชน และอนาคตอาจจะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนต่อได้หลายอย่าง การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ และนวัตกรรม มาปรับใช้เพื่อพัฒนาการทำประมงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมประมงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกและก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการประมงทะเลที่ยั่งยืนในอนาคต