เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 14 มี.ค. 68 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีฮั้วสว. จนทำให้สว.ยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เราสรุปเร็วไปนิดนึง เวลาใครไปยื่นเรื่องก็รับเรื่องไว้พิจารณา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารับแล้วจะต้องถูกหรือผิด แต่กระบวนการมันเริ่มต้นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้เชิญดีเอสไอเข้าไปร่วมเป็นกรรมการในการสอบเรื่องสว.เมื่อดีเอสไอสั่งให้เป็นกรรมการร่วม คนก็ไปแจ้งความที่ดีเอสไอเยอะ ทำให้ดีเอสไอมีหลักฐานเยอะ ในเมื่อ กกต. เป็นคนเริ่ม แต่ไม่ได้รับเรื่องไปทำเอง ดีเอสไอจึงรู้สึกว่าเมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จึงทำต่อ ซึ่งเมื่อกระบวนการเป็นอย่างนี้ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ใครจะทำอะไรได้

 

เมื่อถามว่า ไม่ใช่ความต้องการที่จะล้างสว. สายสีน้ำเงินใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย 

 

เมื่อถามต่อว่า ล่าสุดที่ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายเนวินชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวยอมรับว่า ได้พูดคุยกัน ตนก็บอกว่าเมื่อกระบวนการเริ่มไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีใครสามารถไปบิดเบี้ยว หรือไปหยุดกระบวนการได้

 

เมื่อถามอีกว่า คนภายนอกมองว่าเรื่องนี้ดูซอฟท์ลง เพราะว่าปรากฏข่าวนายอนุทิน และนายเนวินเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณ กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องพูดคุยกันบ้างเป็นธรรมดา ตนในฐานะเป็นคนแก่ทางพรรคการเมืองก็มีคนแวะเข้าไปขอคำปรึกษาตนก็ให้คำปรึกษาไป แต่ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ โดยให้คำปรึกษาและแนะนำในฐานะที่เคยทำงานด้วยกันมา เพราะตนเคยเป็นหัวหน้าพรรค เขาก็เคยเป็นลูกพรรคของตนมาเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร

 

เมื่อถามย้ำว่า เขารับฟังคำแนะนำของท่านดีใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็ให้คำปรึกษาไป แต่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา เราในฐานะคนแก่ก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา

 

เมื่อถามต่อว่า ยืนยันว่ารัฐบาลมีความแน่นแฟ้นดีใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็ไม่เห็นว่ามีอะไร