เมื่อช่วงกลางสัปดาห์นี้ ก็ถูกนับว่าเป็นปีที่ 5 ครบรอบที่ “องค์การอนามัยโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอชโอ” หรือที่หลายคนมักเรียกสั้นๆ ว่า “ฮู” (WHO : World Health Organization) ประกาศให้โรคที่มาจากเชื้อ “โคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” เป็น “โรคระบาดขนาดใหญ่” (Pandemic) คือ เป็นโรคที่มีแพร่ระบาดกระจายไปในพื้นที่ขนาดใหญ่ และมิใช่ระบาดขนาดใหญ่ธรรมดาๆ แต่เป็นการแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Global pandemic) กันเลยทีเดียว
โดยการประกาศข้างต้นก็มีขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม 2020 (พ.ศ. 2563) ภายหลังจากไวรัสร้ายนี้ อุบัติขึ้นเมื่อช่วยปลายปี 2019 (พ.ศ. 2562) ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เป็นที่แรก จนเรียกกันในช่วงที่โรคนี้ระบาดใหม่ๆ ว่า “ไข้หวัดอู่ฮั่น” บ้าง “โรคอู่ฮั่น” บ้าง “ไวรัสอู่ฮั่น” บ้าง ก่อนที่จะกลายเป็นชื่อ “โคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” หรือที่หลายคนเรียกสั้นว่า “โควิดฯ” ในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น “โควิด-19” ก็แพร่ระบาดไปในพื้นที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ตามการรายงานระบุว่า “โควิด-19” อาละวาดไปในพื้นที่ประเทศ และหรือเขตการปกครองต่างๆ ทั่วโลก รวมแล้ว 231 ประเทศ และหรือเขตการปกครองด้วยกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศที่เกาะอันห่างไกลในมหาสมุทรต่างๆ เช่น “ตูวาลู” ประเทศที่เป็นเกาะในย่านโอเชียเนียของมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นต้น ก็ยังพบผู้ป่วยรวมแล้วจำนวนหลายพันคน
ส่วนตัวเลขสถิติของการแพร่ระบาดของโควิดฯ ที่แผลงฤทธิ์ไปในพื้นที่ของประเทศและหรือเขตการปกครองทั่วโลกข้างต้นนั้น นับตั้งแต่เริ่มแรกของการแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างจริงๆ จังๆ คือ 2020 (พ.ศ. 2563) จนถึงราวเกือบกลางปี 2024 (พ.ศ. 2567) ก็มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ราวๆ 777,518,388 ราย
นั่น! เป็นตัวเลขที่มีการยืนยันจากการรวบรวมอย่างเป็นทางการโดยกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศ และหรือเขตการปกครองต่างๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ดี บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะมีมากกว่านั้น เพราะคาดว่า ยังมีที่ “ตกสำรวจ” เช่น อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือไม่ก็ป่วยติดเชื้อแล้วก็รักษาเอง ไม่ได้รักษาในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีการจัดทำบันทึกเป็นตัวเลขไว้ โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว
ในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อข้างต้นนั้น ก็ปรากฏว่า เป็นผู้ป่วยที่เสียชีวิตจำนวนมากถึง 7,090,763 ราย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่แท้จริง บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ก็คาดการณ์ว่า จะมีมากกว่าที่รายงานไปข้างต้นอีกเช่นกัน โดยประมาณการกันว่า เหยื่อป่วยโควิดฯ ที่ไวรัสร้ายคร่าชีวิตทั่วโลก น่าจะมีอยู่ที่ราวๆ 18.2 – 33.5 ล้านคน
ทั้งนี้ ก็ถือได้ว่า “โควิด-19” เป็นมฤตยูร้ายที่คร่าชีวิตพลเมืองโลก ระดับแถวหน้ายิ่งกว่า “โรคร้ายไหนๆ” หรือแม้กระทั่ง “สงคราม” ที่มนุษย์ใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงประหัตถ์ประหารกัน ก็ยังมิอาจเทียบเท่า
โดยประเทศที่ถูก “โควิด-19” คุกคาม ด้วยการทำให้ล้มป่วย และเสียชีวิตมากที่สุด ก็ได้แก่ “สหรัฐอเมริกา”
ตามการเปิดเผยของ “ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ” หรือ “ซีดีซี” ระบุว่า สหรัฐฯ มีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมากกว่า 112 ล้านราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตก็มีจำนวนมากถึง 1.22 ล้านคน
พร้อมกันนี้ ทาง “ซีดีซี” ยังเปิดเผยด้วยว่า ตัวเลขของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิดฯ นั้น สูงกว่าที่ทางการสหรัฐฯ ได้ตั้งเป้าเอาไว้ด้วย โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2022 (พ.ศ. 2565) ได้กำหนดเอาไว้ว่า จะพยายามทำให้ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตเกินกว่า 1 ล้านราย แต่ปรากฏว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ในสหรัฐฯ มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบระบบสาธารณสุขของประเทศ จนทำให้มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตเกินกว่าที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ คือ เกินกว่าที่กำหนดไว้ถึง 2.2 แสนรายด้วยกัน
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ปรากฏว่า ณ ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายก็ยังคงมีรายงานพบทั้งผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และผู้ป่วยที่เสียชีวิต
โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ก็มีทั้งในรูปแบบที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง ไปจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คือ ต้องนอนในโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว
ตามข้อมูลที่ “องค์การอนามัยโลก” เปิดเผย ก็ระบุว่า ในช่วง 28 วันโดยนับจนถึวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3,800 ราย
พร้อมกันนี้ ทาง “ซีดีซี” เปิดเผยด้วยว่า ร้อยละ 1.3 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่ดังกล่าว ต้องเข้ารับการในโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลต้องแอดมิทเป็นผู้ป่วยใน ให้นอนโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว และมีหลายรายอีกเช่นกัน ที่ต้องถึงขั้นเข้ารับการรักษาพยาบาลในห้องไอซียู ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 1.3 เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงอัตราการป่วยโควิดฯ ในระหว่างสัปดาห์ ณ ปัจจุบันนี้ ก็ได้หวนกลับมามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ได้บรรเทาเบาบางไปในช่วงรอบปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากผู้คนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย การไม่เว้นระยะห่าง และการหมั่นล้างมือ เพราะละเลยกันไป
ส่วนตัวเลขผู้ป่วยที่เสียชีวิต จากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ซึ่งนับถึงวันที่ 1 มีนาคมที่เพิ่งผ่านพ้นมานั้น ก็มีจำนวนอยู่ที่ 247 ราย
นอกจากการพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ และผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่แล้ว สหรัฐฯ ก็ยังมีรายงานเกี่ยวกับผู้ที่มีอาการ “ลองโควิด (Long Covid)” คือ ภาวะของผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 แต่ยังเผชิญกับอาการต่างๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ตามมาอีกเป็นเดือน โดยหลายรายนานถึง 3 เดือนก็มี ซึ่งอาการลองโควิดที่พบ ก็มีทั้ง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หายใจไม่อิ่ม ปวดเมื่อตามร่างกาย การไอเรื้อรัง ไปจนถึงรู้สึกเหมือนมีไข้ และมึนหัว ปวดศรีษะ
โควิด-19 นอกจากพ่นพิษต่อระบบสาธารณสุข สุขภาพอนามัยของผู้คนแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตามการประเมินของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำในสหราชอาณาจักร ก็ระบุว่า โควิดฯ สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจโลกรวมแล้วไม่น้อยกว่า 82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดช่วงที่มันอาละวาด 5 ปีที่ผ่านมา