เมื่อสิงคโปร์ขึ้นภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยชาวต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มเป็น 60% จากเดิม 30%  หวังลดความร้อนแรงตลาดที่อยู่อาศัย หลังกังวลราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อาจสูงเกินปัจจัยพื้นฐานจากการหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในประเทศของของเศรษฐีจำนวนมาก  จนเป็นที่มาของการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยเฉพาะภูเก็ต ที่เป็นจังหวัดเทียบเท่า แต่มีความโดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่าในการลงทุน มีทำเลที่ตั้งดี และเป็นพื้นที่ที่อยู่แล้วมีความสบาย

กำลังหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต

โดย นาย บิล บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าวว่า ด้วยการท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดกระแสการลงทุนด้านไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ ซึ่งเปลี่ยนจากการท่องเที่ยวระยะสั้นสู่การอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งภูเก็ตได้รับประโยชน์สูงสุดด้วยยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตกว่า 8.65 ล้านคน ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า

บิล บาร์เน็ตต์

ซึ่งจากรายงานล่าสุดจาก C9 Hotelworks บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการบริการและอสังหาริมทรัพย์ ระบุถึง เทรนด์การเติบโตของตลาดปล่อยเช่าที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่หลั่งไหลเข้าสู่อสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ต บนทำเลศักยภาพของเกาะ แนวโน้มที่เห็นได้ชัดในขณะนี้คือ การท่องเที่ยวกำลังขับเคลื่อนตลาดเช่าระยะยาวในภูเก็ต ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่โมเดล Residential-led Hospitality อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีกลุ่มผู้ซื้อจากไทย สิงคโปร์ และฮ่องกงเป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต

ทั้งนี้จากรายงานของ C9 Hotelworks ระบุว่า ด้วยงบประมาณเท่ากับคอนโดแบบ 2 ห้องนอนในสิงคโปร์ นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของพูลวิลล่า 5 ห้องนอนในภูเก็ตได้ ขณะที่ราคารถยนต์หรูในไทยต่ำกว่าสิงคโปร์ประมาณ 60% และค่าเล่าเรียนในโรงเรียนนานาชาติในภูเก็ตก็เฉลี่ยถูกกว่าราว 42% อีกทั้งสิงคโปร์ยังมีภาษีและอากรแสตมป์ในอัตราสูงสำหรับบ้านหลังที่สอง เมื่อรวมกับความสะดวกในการเดินทางด้วยเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์–ภูเก็ตกว่า 150 เที่ยวต่อสัปดาห์ (ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง) จึงไม่น่าแปลกใจที่ภูเก็ตจะกลายเป็นทางเลือกที่ทั้งคุ้มค่าและมีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนหรือการอยู่อาศัยระยะยาวริมทะเลอันดามัน

เปลี่ยนแปลงตัวบทกฎหมาย

ขณะที่ นายพอล แอชเบิร์น หุ้นส่วนผู้จัดการร่วม HLB ประเทศไทย กล่าวว่า การที่สิงคโปร์ขึ้นภาษีอากรแสตมป์สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องจ่ายเพิ่มเมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น เป็นเหตุผลหลักสำคัญที่ทำให้ทุนต่างชาติจากที่เคยหลั่งไปเข้าไปในสิงคโปร์เริ่มหันมาสนใจกับประเทศไทย โดยเฉพาะภูเก็ตที่เป็นจังหวัดที่เหมาะแก่การลงทุนทั้งระยะสั้น และระยะยาว ด้วยเหตุปัจจัยทั้งการคมนาคมที่สะดวก ทำเลที่ตั้งซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นในอนาคตทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ก็จะถูกนักลงทุนที่เปลี่ยนจากสิงคโปร์มาดูทำเลใหม่ในไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

พอล แอชเบิร์น

ด้าน นางสาวปิยวรรณี วัฒนสกุลพันท์ ที่ปรึกษากฎหมาย แชนด์เลอร์ โมริ ฮามาดะ กล่าวถึงกระแสการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยทั้งธุรกิจโรงแรม หรือการลงทุนในประเภทคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ต บนทำเลที่มีศักยภาพนั้น ในส่วนของกฎหมายเองมองว่า จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวบทกฎหมายบางประเภทไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์นั้นๆ

ปิยวรรณี วัฒนสกุลพันท์

เช่นเวลานี้มีการถกเถียงในบางประเด็นเกี่ยวกับ การนำคอนโดมิเนียมมาปล่อยเช่านั้น ถ้ามองถึงรายละเอียดในการแก้ปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งคงต้องนำเอาตัวอย่างในหลายๆ ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดการเปลี่ยนในตัวกฎหมายควบคุม อย่างประเทศญี่ปุ่น หรือรัสเซีย เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นคงต้องนำเอารูปแบบการดำเนินงานของประเทศนั้นมาศึกษา และพิจารณาเป็นข้อๆ ถึงความเหมาะสมในการนำมาใช้กับประเทศไทย