วันที่ 14 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุข้อความว่า...
[ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะนายกรัฐมนตรี]
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย
คุณทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 5 ปี 7 เดือน 10 วัน เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งที่ดำรงตำแหน่งยาวนานในลำดับต้นๆของประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะนายกรัฐมนตรีเลย
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัย 2 ประการ
ประการแรก รัฐธรรมนูญ 2540
มีเจตนารมณ์ต้องการสร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ จึงกำหนดให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ต้องใช้เสียง ส.ส. 2 ใน 5 ในขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีอื่นๆ ใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 5
ประการที่สอง การควบรวมพรรคการเมืองอื่น
การเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 พรรคไทยรักไทยได้ 248 ส.ส. ตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย และพรรคเสรีธรรม รวม 339 เสียง
ต่อมา 6 กันยายน 2544 พรรคไทยรักไทยควบรวมพรรคเสรีธรรมเข้ามา จากนั้น 25 เมษายน 2545 ควบรวมพรรคความหวังใหม่ สุดท้าย ดีงพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาล และควบรวมพรรคชาติพัฒนาเข้ามาเป็นพรรคเดียวกัน จนทำให้พรรคไทยรักไทยมีเสียง ส.ส.ถึง 326 เสียง เมื่อรวมกับพรรคชาติไทยอีก รัฐบาลจึงมีเสียงถึง 366 เสียง
ในการเลือกตั้งปี 2548 พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน ถึงกับลดระดับตนเอง ไม่ได้หาเสียงเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐบาล แต่หาเสียงในช่วงท้ายๆว่า ขอเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ถึง 200 เสียง เพื่อตรวจสอบนายกรัฐมนตรีได้
คุณทักษิณ ยังบลัฟกลับด้วยว่า ถ้าฝ่ายค้านอยากอภิปรายตนเอง แต่เสียงไม่พอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวตนจะให้ยืมเสียง ส.ส.จากพรรคตนเอง
สุดท้าย พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ได้ ส.ส. 377 เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
นอกจากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว และพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้แล้ว พรรคไทยรักไทยพรรคเดียว ยังสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะมีเสียงเกินกี่งหนึ่งของรัฐสภา (377 จาก 700)